CES 2020 BY DEC MEDIA EP.2

YEAR OF “PROJECTION MAPPING” เรียกได้ว่า แทบจะไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในการทำอีกแล้ว ไม่ว่าพื้นที่จะแสงมากแสงน้อยไม่ใช่ปัญหา

CES 2020 BY DEC MEDIA EP.2

มาต่อกันที่ DEC on CES 2020 EP2. ค่ะ

YEAR OF “PROJECTION MAPPING” เรียกได้ว่า แทบจะไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในการทำอีกแล้ว ไม่ว่าพื้นที่จะแสงมากแสงน้อยไม่ใช่ปัญหา / ปัญหาอยู่ที่ไม่ใช่ What to say แต่เป็น “How to say” สุดท้ายแล้ว Content is KING

Ghost LED : นำกระจกใน Sale Office เดิมๆ แต่เติม Interactive Content เข้าไปได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นตู้ปลา กระจกแต่งหน้าไปจนถึง Mapping View

Ai ยุค 2020 ทั้งล้ำ และ มีอารมณ์ขัน ประยุกต์บทสนทนาได้หลากหลายสุดๆ อีกทั้งยังคุยกับเราเป็นกลุ่มพร้อมกันทีละหลายๆคนได้อีกด้วย ไม่แน่ในอนาคตอีก2ปี เราอาจจะไม่ต้องใช้ Sale ในการขาย Condo แล้วก็ได้

“Everything upgrade” อย่าง Drone ล่าสุดก็สามารถบินตากฝนได้แล้ว ,จอ Display ต่างๆ ก็ถูกฝังเข้าไปในทุกๆผิววัสดุได้อย่างแนบเนียน รวมถึง การใช้ Technic object touch เข้ามาช่วยในการโชว์ผิววัสดุจริงๆ ผสม กับ Media content ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

Model mapping ในปี 2020 ต้อง Interact ได้…. ไม่งั้น แค่ Passive model mapping ธรรมดา เดี๋ยวนี้ดึงความสนใจของลูกค้าไว้ไม่อยู่แล้ว เหมือนที่อสังหาฯต้องมีการผสานการ Control แบบ I-MODEL ลงไปเพื่อที่จะได้ตอบโจทย์กับลูกค้าในยุคสมัยนี้

สรุป….. Trend ในปีนี้ ที่ได้จาก CES 2020 ในมิติของการทำ Innovation experiment & Sale tools.

1.ทุกอย่างต้องถูกคิดให้ลึกลงไปให้เจอความต้องการของลูกค้าจริงๆ ทุก Interface ต้องถูกออกแบบให้ Customize ได้ตามจริตของผู้ใช้งานในยุค internet centric
2. SPEED IS “KING” ลูกค้าทุกคนรอได้น้อยลงจนเรานึกไม่ถึง จนกลายเป็น “NEW NORMAL”ต่อให้สวยดีเลิศขนาดไหน ถ้าไม่เร็วพอที่ลูกค้าอยากจะได้ก็”เกิดยาก”
3. Year of “virtual interactive” ทุกอย่างต้องอนุญาตให้คนเข้าไปมีส่วนร่วมได้ ไม่ว่าจะเป็น Animation,Mapping,Object touch, หมดยุค PASSIVE CONTENT แล้ว

แล้วพบกันใหม่ในงาน Event ระดับโลกครั้งต่อไปนะคะ

CES 2020 BY DEC MEDIA EP.1

CES 2020 BY DEC MEDIA EP.1
ผ่านพ้นไปแล้ว กับ DEC on CES 2020 ที่ LAS VEGAS กับทางคุณคิว MD จาก DEC MEDIA

CES 2020 BY DEC MEDIA EP.1

ผ่านพ้นไปแล้ว กับ DEC on CES 2020 ที่ LAS VEGAS กับทางคุณคิว MD จาก DEC MEDIA ด้วยขนาดพื้นที่ 2.9 ล้านตารางฟุต (ประมาณเอา 5 impact challenger hall มาต่อกัน กับผู้เข้าชมจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 200,000 คน) เรียกได้ว่าเดินกันขาลาก เลยทีเดียว เดี๋ยวมาดูกันว่า ปีนี้ทาง DEC จับประเด็นอะไรมาต่อยอดและพัฒนา ให้กับ INNOVATION ใหม่ๆ ในบ้านเราได้บ้าง

New LED 2020 : บางกว่า โค้งกว่า ดัดได้ ชนะแน่นอน…. ด้วยต้นทุนในการผลิตที่ถูกลง ทำให้ทุกๆอุตสาหกรรม นำ LED & MICRO LED มาใช้ขยายจินตนาการได้อย่างไม่จำกัด

New VR 2020 : เน้นเป็นแบบไร้สายทั้งหมดแล้ว ไม่ต้องมีสายมาให้กวนใจ แถมเพิ่ม SENSOR การสั่น / ความร้อน / ความเย็นที่นิ้ว และยังสามารถเข้าไปเล่นได้ทีละ 10-20 คนพร้อมกัน ตลอดจน HIGHLIGHT อยู่ที่ไม่ต้องใช้ JOYSTICK บังคับแล้วต่อตรงกับคลื่นสมอง แล้วสั่งด้วยการกะพริบ หรือ ขยับตาเอง ไว้สำหรับคนสูงอายุและคนพิการ เรียกได้ว่าเป็น AGING DESIGN SOLUTION จริงๆ

Hyper personalization ยุคนี้ทุกๆ ผลิตภัณฑ์ ต้อง customize ให้กับ user ได้อย่างละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าปรับความหนาให้เข้ากับเท้าเรา,เครื่องจับความร้อนขณะเล่น yoga e-trainer จาก panasonic หรืออย่างล่าสุด ทาง sony ได้ออก product 360 real audio ถึงขั้นมีการ ใช้ APP SCAN รูปของใบหูเราก่อน ที่จะทำการปล่อยเสียง 3 มิติ ออกมาให้เหมือนจริงมากที่สุดสำหรับคนๆ นั้น / เรียกได้ว่า ของใครของมัน อย่างแท้จริง

สุดท้ายกับ ep 1 วันนี้ด้วย ค่าย LG จัดหนัก โชว์จอรุ่นใหม่ทั้งบาง แถมยัง เอามาม้วนเข้าไปเก็บไว้ในกล่อง ซ่อนได้อย่างแนบเนียนมากๆ

บ้านกลางเมือง THE EDITION

วันนี้พามาชมแนวคิดวิถีใหม่จาก บ้านกลางเมือง ดิ อิดิชั่น สาทร-สุขสวัสดิ์ โดย AP สัมผัสพื้นที่ความสุข ด้วยนวัตกรรมที่อยู่อาศัยที่ผสานเข้ากับการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางแนวคิดใหม่อย่างลงตัว

cc cc 04

บ้านกลางเมือง THE EDITION

บ้านกลางเมือง The Edition สาทร-สุขสวัสดิ์ โดย AP Thai

วันนี้พามาชมแนวคิดวิถีใหม่จาก บ้านกลางเมือง ดิ อิดิชั่น สาทร-สุขสวัสดิ์ โดย AP สัมผัสพื้นที่ความสุข ด้วยนวัตกรรมที่อยู่อาศัยที่ผสานเข้ากับการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางแนวคิดใหม่อย่างลงตัว กลายเป็นพื้นที่ความสุขที่สร้างความหมายด้วยตัวเอง

ความหมายของ วิถีชีวิต..ที่จะอยู่กับคุณไปตลอดทั้งชีวิต

Yes Watermark

มาเริ่มจากการดูที่พื้นที่ส่วนกลาง เพราะเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิตการอยู่อาศัยภายใน หมู่บ้าน ที่ที่หลายครอบครัว ต่างวัย ต่างความชอบ จะได้มาพักผ่อนทำกิจกรรมร่วมกัน โดยเน้นให้ความสำคัญกับ ความเป็นส่วนตัว ความสงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ ด้วยคลับเฮ้าส์ดีไซน์ใหม่แนวคิดมาจาก แบบบ้านเรือนสี่ประสาน เป็นรูปแบบของบ้านที่มีอาคารล้อมลานกลางบ้านทั้งสี่ทิศ แต่ละทิศก็มีฟังก์ชั่นแตกต่างกันไป มีลานตรงกลางที่สามารถใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัวได้ โดยแบ่งออกเป็น

• THE COURTYARD ลานขั้นบันไดโอบล้อมด้วยธรรมชาติ ทั้งพันธุ์ไม้และน้ำพุ สร้างความสดชื่นได้ตลอดทั้งวัน
• MULTI-GEN PAVILLION พื้นที่นั่งพักผ่อนอเนกประสงค์ ที่คนทุกวัยสามารถเข้ามาใช้งานร่วมกันได้อย่างเป็นส่วนตัว
• EDUCATION PLAYGROUND สนามเด็กเล่นที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก
• THE NEO SERENE POOL สระว่ายน้ำ ที่ห่อหุ้มด้วยระแนงไม้ช่วยทำให้มีความเป็นส่วนตัว ไม่โดนรบกวนจากภายนอก
• PRIVATE WELLNESS GYM ฟิตเนสบนชั้นสอง ที่แยกตัวออกมาอยู่ด้านบน ช่วยให้เกิดความเป็นส่วนตัว พร้อมกวาดสายตาชมความร่มรื่น

THE COURTYARD การออกแบบ Landscape เป็นลานขั้นบันไดและน้ำพุ รายล้อมด้วยพันธุ์ไม้ที่ร่มรื่น เป็นการสร้างทัศนียภาพและเสียงที่ให้ความสดชื่น เป็นก้าวแรกก่อนเข้าสู่โลกส่วนตัวของการพักผ่อนที่อยู่ด้านใน

ลายน้ำเจ้

เนื่องจากฟอร์มตามธรรมชาติของต้นไม้ใบไม้ที่ไม่อาจกำหนดและควบคุมได้ (Soft scape) การสร้างพื้นที่ความสุขด้วยองค์ประกอบที่ลงตัว นำเอาวัสดุพื้นกรวดล้าง กรวดแม่น้ำ (hardscape) เป็นตัวกำหนดเส้นสายของสวนให้ออกมาสวยมีดีไซน์ ในประโยชน์ใช้สอยที่มากขึ้น

คลับเฮ้าส์ดีไซน์โมเดิร์น นำแนวคิดของบ้านเรือนสีประสาน มาปรับใช้กับกำแพงระแนงสูงล้อมคลับเฮ้าส์เพื่อแบ่งพื้นที่สำหรับการผ่อนคลายออกจากพื้นที่ใช้งานร่วมกันที่อยู่ภายนอก เกิดความเป็นส่วนตัวและสงบได้มากขึ้น

สถาปัตยกรรมโมเดิร์น รูปทรงที่เรียบง่าย เน้นการใช้งานจริง ผ่านการออกแบบที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและการกลั่นกรองอย่างปราณีต ด้านหน้าอวดความทันสมัยด้วยรูปทรงจัตุรัสที่ก่อตัวรวมกันอย่างมีจังหวะ

มุมมองที่จะเห็นเมื่อออกกำลังกายในฟิตเนส ถูกคิดมาแล้วเพื่อเกิดความสงบเป็นส่วนตัว โดยเส้นเฉียงของอาคารช่วยให้มุมมองของสายตาไม่ประทะกับหน้าบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับคลับเฮ้าส์

ความเรียบง่ายที่ลงตัว มีดีไซน์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายวัยไม่สะดุดตาด้วยการลดทอนความแข็งจากฟอร์มสี่เหลี่ยมสไตล์โมเดิร์นลง ด้วยการผสมวัสดุไม้ระแนง ไม้ฝาตกแต่ง หินกรวดแม่น้ำ รวมถึงต้นไม้ที่ดึงความเป็นธรรมชาติเข้าหาผู้อยู่อาศัย

พื้นที่กิจกรรมรอบสระน้ำขนาดกำลังพอเหมาะช่วยให้คนหลาย Gen สามารถมาใช้งานร่วมกันทำกิจกรรมอื่นๆได้ ปูพื้นรอบสระน้ำด้วยกระเบื้องลายไม้ เก้าอี้พับเรียงรายอยู่บริเวณริมสระ คล้ายกับว่ากำลังเดินอยู่ในสระว่ายน้ำของรีสอร์ทหรู

THE NEO SERENE POOL ผู้หญิงน่าจะชื่นชอบเป็นพิเศษ ด้วยระแนงไม้ทำหน้าที่บดบังและสงวนความเป็นส่วนตัวจากภายนอกไว้อย่างมิดชิด ซึ่งระแนงยังทำให้พื้นที่ไม่ทึบตันอึดอัด และมีลมพัดพอให้เย็นสบายอยู่

หากเหนื่อยล้าจากหน้าคอม ก็ลองขึ้นมาพักสายตาที่ชั้นสอง มองธรรมชาติ มองสมาชิกในครอบครัวที่ใช้งานอยู่ตามมุมต่างๆของโครงการ

Yes Watermark
Yes Watermark
Yes Watermark

PRIVATE WELLNESS GYM ฟิตเนสบนชั้นสอง ที่แยกตัวออกมาอยู่ด้านบน ช่วยให้เกิดความเป็นส่วนตัว พร้อมกวาดสายตาชมความร่มรื่น อุปกรณ์เวิร์คเอาท์ครบครัน ด้วยมุมมองของกระจกที่เปิดโล่งทั้งสองด้านทำให้ภายในตกแต่งด้วยโทนสีไม้โอ่อ่าสะอาดตา ผนังกระจกช่วยขับให้ห้องนี้เหมือนได้มองวิวสบายตาจากทุกมุมมอง

Yes Watermark
Yes Watermark

MULTI-GEN PAVILLION พื้นที่นั่งพักผ่อนอเนกประสงค์ 3 จุด ที่คนทุกวัยสามารถเข้ามาใช้งานร่วมกัน เพิ่มความเป็นส่วนตัวเงียบสงบขึ้นด้วยระแนงไม้เป็นดีไซน์ที่เป็นเรื่องราวเดียวกันเชื่อมต่อมาจากคลับเฮ้าส์

Yes Watermark

EDUCATION PLAYGROUND สนามเด็กเล่นที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก วัสดุปูด้วยพื้นยาง(แบบเดียวกับที่ใช้ในสปอร์ตคลับหรูๆ)เพื่อความปลอดภัยและรองรับแรงกระแทกต่อข้อต่อร่างกายเสริมการทำกิจกรรมของเด็กอย่างไร้กังวล ดีไซน์ของระบบสุริยะช่วงส่งเสริมการเรียนรู้คอยเชิญชวนให้พ่อแม่มาใช้เวลาร่วมกัน

Yes Watermark

ความหมายของบ้านที่ดี ไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาที่ฉาบฉวย ยังมีรายละเอียดที่ถูกคิดเพื่อรองรับวิถีการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายและเป็นธรรมชาติ ซึ่งอยากให้ไปลองสัมผัสด้วยตัวเอง

วันนี้ขอลาด้วยภาพ Main Gate ที่ดูอุ่นใจปลอดภัย แฝงไว้ด้วยความสวยงามเช่นเดียวกันกับส่วนประกอบอื่นๆในโครงการ บ้านกลางเมือง ดิ อิดิชั่น สาทร-สุขสวัสดิ์ โดย AP

Yes Watermark

LITTLE TOKYO

ถนนสุขุมวิท 71 (ปรีดีพนมยงค์) ความแออัดที่มีเอกลักษณ์ถนนอันเก่าแก่ที่มีประวัติมายาวนาน ย่านที่เต็มไปด้วยร้านอาหารตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน

Little tokyo cover

LITTLE TOKYO

Little Tokyo เมื่อวินเทจพบเจแปนนิส

ถนนสุขุมวิท 71 (ปรีดีพนมยงค์) ความแออัดที่มีเอกลักษณ์ถนนอันเก่าแก่ที่มีประวัติมายาวนาน ย่านที่เต็มไปด้วยร้านอาหารตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน  เมื่อคุณขับรถเข้ามาในซอยปรีดีพนมยงค์ 42 ทาวเฮ้าส์เรียงรายนับสิบหลัง แต่มีทาวน์เฮ้าส์ที่ดูแปลกตาจากหลังอื่นๆ ภายนอกตัวบ้านเป็นสีขาวตัดด้วยกรอบประตูหน้าต่างที่ทำจากเฟรมไม้สีเข้ม ดูแล้วเจือกลิ่นอายไสตล์ญี่ปุ่นเล็ก ๆ แค่เห็นเพียงดีไซน์ตัวบ้านด้านนอกกลับรู้สึกผ่อนคลาย เสน่ห์ของมันชวนให้ผู้อยู่อาศัยอยากหลีกหนีจากความวุ่นวายภายนอกและใช้เวลาอยู่ในบ้านหลังนี้ทันที เหมาะกับชื่อที่เจ้าของบ้านใช้เรียก “ Little Tokyo ” 

Yes Watermark
Yes Watermark
Yes Watermark
Yes Watermark

ถัดมาที่ชั้นสองของบ้านเป็นส่วนของห้องนอน เมื่อเข้ามาถึงจะเห็นห้องนอนโปร่งโล่งสีขาว ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายตา มีแสงธรรมชาติส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้ามารำไร มีเตียงที่ปูด้วยผ้าปูสีขาวอยู่กลางห้อง ตกแต่งฝ้าเพดานด้านบนแบบสโลป รับกันได้ดีกับผนัง ยิ่งมีแสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องผ่านม่านสีขาวบางเบา ยิ่งสร้างบรรยากาศให้ห้องนอนแห่งนี้มีอารมณ์ชวนฝันได้อย่างบอกไม่ถูก ซึ่งโครงสร้างเดิมของห้องนอนนี้ เดิมทีฝ้าเพดานค่อนข้างต่ำ ผู้ออกแบบจึงเปิดฝ้าเพดานขึ้นไปแล้วเล่นดีไซน์ด้วยการทำฝ้าเฉียงสโลป ทำให้รู้สึกราวกับอยู่ห้องใต้หลังคา นอกจากนี้ในส่วนของตัวฝ้าเพดานยังสร้างแพทเทิร์นให้ฝ้า ทำให้ดูสนุกสนานและทำให้ห้องนี้ไม่เรียบจนเกินไป การเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้กับห้องนี้ยังคงคุมความเป็น NORDIC DESIGN ผสมความเป็นธรรมชาติจากวัสดุสีไวท์โอ๊ค และของตกแต่งที่ดูกลมกลืนกับธรรมชาติแวดล้อมภายนอก

ถึงบ้านหลังนี้จะทำการรีโนเวทเพื่อปล่อยเช่า แต่เจ้าของบ้านมีความเอาใจใส่ในรายละเอียดตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการก่อสร้าง ที่น่าประทับใจยิ่งไปกว่านั้นนั่นก็คือการเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยที่ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใด ก็ต้องการความผ่อนคลายด้วยกันทั้งนั้น  เฉกเช่นบ้านหลังนี้ที่เจ้าของบ้านใช้การออกแบบที่มีความเข้าใจในตัวบ้านและความเข้าใจในความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน

Yes Watermark
Yes Watermark
Yes Watermark

สิ่งแรกที่รู้สึกได้ เมื่อก้าวผ่านรั้วระแนงเหล็กสีขาวเข้าไป นั่นก็คือความไม่ส่วนตัวที่เป็นส่วนตัว เพราะทราบกันดีว่ารั้วของทาวเฮ้าส์จะเป็นรั้วเดียวกันกับของเพื่อนบ้าน แต่ผู้ออกแบบเลือกใช้ดีไซน์มาแก้ไข Pain point โดยใช้ไม้เฌอร่ามาตีเป็นแผงระแนงบังตาที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับบ้านขึ้นมาทันที เจ้าของบ้านจึงเกิดไอเดียปรับพื้นที่เล็กๆ หน้าบ้านไว้สำหรับนั่งจิบกาแฟยามเช้า พื้นที่ส่วนนี้จะใช้เป็นการจัดสวนเล็กๆ หรือปลูกหญ้าเพื่อเพิ่มสีเขียวก็ได้ แต่ในที่นี้ผู้ออกแบบเลือกปูหญ้าเทียมเพื่อการง่ายต่อการดูแลรักษาและจัดวางชุด Coffee Table เล็กๆ เพียงแค่นี้เราก็มีพื้นที่ผักผ่อนเพิ่มขึ้น 

จากประตูและหน้าต่างบานใหญ่เฟรมไม้สีเข้มที่ตัดกับผนังปูนฉาบเรียบสีขาวกรุกระจกใสที่สามารถมองเห็นบรรยากาศภายนอกได้อย่างเต็มที่ เห็นแล้วชวนให้นึกถึงบ้านเก่าที่ให้อารมณ์ยุค 80 ผสมผสานกับการจัดตกแต่งมุมต้อนรับแขกไว้ใน Style Nordic มีเฟอร์นิเจอร์เพียงน้อยชิ้นอย่างโฟซาและสตูลที่เลือกใช้สีเทาอ่อนๆ ไปในโทนพาสเทลเพื่อเบรกความเข้มจากสีของกรอบไม้ ทำให้ห้องดูน่ารักละมุนละไมสายตา การตกแต่งที่ดูเรียบง่ายนี้ ผู้ออกแบบเลือกจัดวางของประดับตกแต่งด้วยการนำธรรมชาติมาแต่งเติมตามมุมต่างๆ เพื่อส่งเสริมงานดีไซน์ให้ห้องดูมีเส่นห์ขึ้นมาทันที จากมุมนี้ไปยังพื้นที่ส่วนอื่นๆ ภายในบ้านเปิดเชื่อมถึงกันหมดแม้กระทั่งส่วนทานข้าวและห้องครัว รวมถึงโถงบันไดที่ขึ้นสู่ชั้นสองผู้ออกแบบทำการปรับพื้นที่เพื่อขยายบันไดให้ดูโปร่งโล่งและเลือกใช้เป็นโครงเหล็กที่มีความแข็งแรงและทาสีขาวเพื่อลดทอนความหนักทำให้บรรยากาศในส่วนนี้ ดูขาวสะอาดสบายตา แถมยังรู้สึกโปร่งอีกด้วย 

Yes Watermark
Yes Watermark
Yes Watermark
Yes Watermark
Yes Watermark
Yes Watermark

ให้ Photographer ที่มีความเข้าใจและความละเอียดตลอดจนการใส่ใจเข้าไปในการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพสวยๆ สามารถติดต่อ DEC MEDIA ได้นะคะ

PROJECT: LITTLE TOKYO
INTERIOR + ARCHITECT DESIGN: TEAM THEROOMMAKER
SERVICE: DEC PHOTOGRAPHY
PHOTOGRAPHER: ONGARD BUACHUANG

#รับทำ3Dsimulator #รับทำ3Dpresentation #รับทำออกแบบภาพ3มิติ #รับทำ3Dmodel #รับทำanimation #รับทำ3Danimation #รับทำ3Dperspective #รับออกแบบ3Dperspective #Photography #Architecture #InteriorDesign

INTERACTIVE MAPPING VIEW

เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย พร้อมสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าด้วย Interactive Mapping View “เห็นวิวจริงได้จากภายในห้องตัวอย่าง” อีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่จาก DEC Media.

INTERACTIVE MAPPING VIEW

เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย พร้อมสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าด้วย Interactive Mapping View “เห็นวิวจริงได้จากภายในห้องตัวอย่าง” อีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่จาก DEC Media.

ธุรกิจอสังหาฯในปัจจุบันนับได้ว่าอยู่ในยุคที่มีการแข่งขันสูง ทั้งในเรื่องของการพัฒนารูปแบบโครงการการตลาด รวมถึงกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ ในอดีตที่ผ่านมาแหล่งเงินทุน และKnow How อาจจะเป็น Barrier สำคัญที่ช่วยกันไม่ให้มีผู้เล่นถาโถมเข้ามาในตลาดมากจนเกินไป แต่เมื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในแบบก้าวกระโดด ได้เชื่อมต่อโลกให้ไร้พรมแดนมากยิ่งขึ้น ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากเหล่าพันธมิตรต่างชาติ รวมถึงองค์ความรู้ใหม่ๆที่มีการแลกเปลี่ยน แชร์กันผ่านโลกออนไลน์ทุกวินาที ล้วนแต่ช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้เล่นในแต่ละรายได้แบบมีนัยสำคัญ ผลลัพธ์ก็คือแบรนด์เก่าๆที่เคยดังเป็นที่รู้จักในอดีตหลายแบรนด์กลับเพลี่ยงพล้ำให้กับแบรนด์ใหม่หลายๆแบรนด์ที่เพิ่งจะผ่านการเปิดตัวโครงการมาแค่ไม่กี่โครงการ โดยที่ไม่ได้หมายความว่าแบรนด์ใหม่ๆเหล่านั้นจะพัฒนาโครงการที่ดีกว่ามีคุณภาพกว่าเสมอไป ในทางกลับกันแบรนด์ใหม่ๆที่ครองใจกลุ่มตลาดในยุค Digital Disruption ล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์ที่เน้นหนักในเรื่องของกลยุทธ์การสร้างแบรนด์เพื่อให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในทุกไลฟ์สไตล์และทุก Customer’s Journey ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งช่วง Pre-Purchasing, Purchasing และ Post – Purchasing ที่มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงจากอดีตที่ผ่านๆมา…ในเมื่อโลกเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยน จึงอาจกล่าวได้ว่าการสร้างแบรนด์ในยุคปัจจุบันคงไม่สามารถที่จะกำหนด Branding Strategic Platform ได้เพียงแค่การหา Differentiation, Relevance และ Meaning อีกต่อไป แต่จำเป็นที่จะต้องผสานความเป็น Digital Branding ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อสร้างเสน่ห์ ความประทับใจ ประสบการณ์ใหม่ๆอันแตกต่างและน่าจดจำ จนนำมาซึ่งการตัดสินใจซื้อในท้ายที่สุด

ท่ามกลางกระแสการพัฒนาสารพัด Living Tech Solutions โดยมีจุดมุ่งหมายหลักคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ดียิ่งขึ้น และมีจุดมุ่งหมายรองคือการสร้างตัวตนในโลก                Digital Branding เพื่อให้แบรนด์ของตนนั้นสามารถแทรกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคในสังคมดิจิทัลได้ โดยปกติแล้วเรามักจะแบ่ง Living Tech Solutions ออกตามแต่ละ Stage ของ Customer’s Journey โดยหากเป็นในช่วงระหว่างการขาย (Purchasing) เทคโนโลยี AR/VR, Interactive Mapping, Digital Touch Screen จนถึง Mixed Reality และ Online Selling Platform ต่างๆก็จะถูกนำมาใช้เพื่อสร้าง Customer Engagement & Experience ที่น่าจดจำ และกระตุ้นให้เกิด Impulse purchasing ได้เป็นอย่างดี เพราะธุรกิจอสังหานั้นมีความเป็น High Involvement Product ที่สูงมาก ในสายตาของคนส่วนใหญ่การซื้อบ้าน และคอนโด ไม่ได้เป็นเพียงแค่การซื้ออาคาร เพื่อเป็นที่พักพิงในแต่ละวัน แต่หมายถึงการเลือกชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการมากที่สุด ไม่ตามกระแส บางคนอาจเลือกจากทำเล บางคนอาจเลือกจากวิว ความใกล้แหล่งช้อปปิ้ง หรือที่ทำงาน แม้กระทั่งงานดีไซน์ และรายละเอียดของงานสถาปัตยกรรม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็น Consumer Trigger สำคัญในการตัดสินใจซื้อที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน เพราะนั่นคือสิ่งที่สะท้อนอัตลักษณ์ของผู้เลือกซื้อได้ดีที่สุด

Yes Watermark

Sale Gallery คือ Brand Touch Point ที่หลายฝ่ายรับรู้กันว่ามีความสำคัญมากที่สุด มีความเป็น “A Must” สำหรับการเปิดโครงการคอนโดแห่งใหม่ทุกโครงการ Sale Gallery ถูกใช้เป็น              สถานที่หลักในการสร้าง Integrated Brand Experience ตั้งแต่ช่วง Pre-Purchasing ไปจนถึง Post-Purchasing ในอดีตที่ผ่านมาเวลาที่เราไปที่ Sale Gallery เราก็มักจะพบกับ Function หลักๆอยู่ 3 ส่วนคือ 1. ส่วนโถงต้อนรับที่มีโมเดลและหน้าจอ Touch Screen จัดแสดงอยู่ 2. ส่วนห้องตัวอย่าง ที่มีการจัดวางเฟอร์ฯตกแต่งครบหรูหรา Larger Than Life และ 3. ส่วน Business Transaction ที่ในสมัยนี้พื้นที่ปิดการขายก็มักจะมีการสร้างบรรยากาศให้ดูน่านั่งมากขึ้น ไม่อึดอัดด้วยการสร้างเป็น Café หรือ Bar เล็กๆ

หากดูในองค์ประกอบของฟังก์ชั่นทั้ง 3 อย่างนี้ แน่นอนส่วนของห้องตัวอย่างก็เป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างความน่าจดจำ บรรยากาศของความแตกต่างให้ได้มากกว่าพื้นที่ส่วนอื่นๆ ห้องตัวอย่างที่ดีต้องสามารถช่วยให้เราจินตนาการภาพของตัวเองในการใช้ชีวิตประจำวันได้ว่าสามารถอยู่ได้จริงหรือไม่ ตลอดจนเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อได้ ผ่านการสัมผัส จับต้อง วัสดุต่างๆที่มีอยู่ภายในห้อง….แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดด้อยก็คือ ห้องตัวอย่างเกือบทั้งหมดล้วนแต่เป็นการ Represent แต่สิ่งที่ดีที่สุดของโครงการ โดยที่สิ่งที่เราจะต้องอยู่ด้วยทุกวัน มองออกไปทุกวัน                    สัมผัสบรรยากาศทุกวัน อย่างวิวจริงที่ได้รับกลับไม่สามารถถูกถ่ายทอดออกมาให้เห็นได้จริง…ในฐานะที่ผมเองเป็นนักรีวิวคอนโด หลายครั้งผมก็รู้สึกไม่ค่อยโอเคที่เราต้องมามองผ้าม่านในห้องตัวอย่าง หรือต้องมามอง Sticker Inkjet ที่นำมาแปะใส่ Lightbox ภายนอกหน้าต่าง เพราะนั่นมันดูลดทอนดีกรีของความน่าซื้อไปเลย หากจุดขายของห้องคุณคือกระจกบานใหญ่ ไร้เฟรม                วิวสวยสุดๆ อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญก็คือ หากคุณทำห้องตัวอย่างออกมาดูดี Larger Than Life มากเกินไป เช่น เอาวิว Central Park หรือแม่น้ำ Thames มาใส่ที่หน้าต่าง เวลาที่ผู้ซื้อได้เห็นวิวจริงๆที่โครงการจากห้องตัวเอง ก็อาจจะเกิด Bad impression เอาได้ง่ายๆจากการที่มีความคาดหวังที่สูงเกินไปเมื่อตอนตัดสินใจซื้อที่ห้องตัวอย่าง

Yes Watermark

แต่ในวันนี้ Pain Point ดังกล่าวจะไม่ถูกมองว่าเป็นปัญหาอีกต่อไป ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจาก DEC Media บริษัทผู้นำอันดับหนึ่งในด้านการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆที่เป็น Digital Branding Tools ของตลาดอสังหาฯมาตลอด 17 ปี ที่มีชื่อว่า Interactive Mapping View ให้คุณได้เห็นวิวจริงของห้องที่คุณซื้อได้จากภายในห้องตัวอย่าง โดย Interactive Mapping View นี้นับว่าเป็นหนึ่งใน 5 Tools หลักของกลุ่ม Special Innovation Product จาก DEC Media ที่พร้อมจะช่วยยกระดับแบรนด์ของคุณให้ไม่เป็นสองรองใคร และเป็นการเพิ่มเอกลักษณ์ให้โดนใจกลุ่มผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี

โดยหลักการทำงานของ Interactive Mapping View นั้นจะเป็นการแสดงผลการทำงานผ่านโปรเจคเตอร์ฉายลงบนฉากหรือผนังขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นตัวรับภาพ แล้วสั่งงานควบคุมด้วย IPAD เพื่อให้จอหรือผนังแสดงผลเป็นภาพวิวในแต่ละห้อง / ทุกชั้น ทั้งกลางวันและกลางคืน รวมถึงวิวรอบๆคอนโดแบบ 360 องศา ซึ่งให้ความรู้สึกเสมือนผู้ซื้อหรือลูกค้ายืนดูทัศนียภาพจริงๆ          จากระเบียง หรือหน้าต่างของห้องนั้นๆ

การได้เห็นทัศนียภาพของวิวจริงของห้องที่ตัวเองเล็งอยู่นับว่ามีผลเป็นอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อ ไม่ว่าจะสำหรับผู้ที่ซื้ออยู่เอง หรือผู้ที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุนครับ เนื่องจากเรามักจะรับรู้กันว่าวิวนั้นคือสิ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการปิดการขาย เพราะว่าห้องที่การันตีได้ถึงวิวดีๆทั้งย่อมเป็นห้องชั้นสูง วิวไม่บล็อค ซึ่งมีราคาแพงมากกว่าปกติ ส่วนห้องชั้นล่างๆ หรือในตำแหน่งที่ยากจะคาดเดาให้เห็นวิวจริง หากอยากจะขายได้ก็ต้องใช้ความพยายามในการตัดแปะแปลนลงใน Google Map เพื่อเทียบวิวแทน ครั้นจะไป Cap ภาพจากหน้าจอ Touch Screen ก็มีเพียงแค่ความสูงบางระดับเท่านั้น…ผลลัพธ์ก็คือกว่าจะปิดการขายห้องเหล่านี้ได้ ก็มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตึกสร้างเสร็จ เพราะผู้ซื้อต้องการที่จะเห็นวิวจริงจากในห้อง เสียเวลาต่อรองทั้งจากผู้ซื้อและผู้ขาย
Interactive Mapping View นั้นแน่นอนว่าจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับบรรดาผู้ซื้อที่แวะเวียนมาชมที่ห้องตัวอย่างได้ เนื่องจากเป็น Tool ที่สามารถสร้าง “Touchnology”                     (Touch & Technology) อันเป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้น Customer Engagement ผ่านการสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ในอดีต เพราะลำพังแค่ Sale Talk ก็คงยากที่จะทำให้ผู้บริโภคในยุคปัจุบันเชื่อได้โดยสนิทใจ

INTERACTIVE OBJECT TOUCH

หมดยุคจอ Touch Screen ในแบบธรรมดา! ให้ผู้ซื้อได้สัมผัสกับความงามของดีไซน์ และรายละเอียดของโครงการแบบ 360 องศาด้วย Object Touch อีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่จาก DEC Media

INTERACTIVE OBJECT TOUCH

หมดยุคจอ Touch Screen ในแบบธรรมดา! ให้ผู้ซื้อได้สัมผัสกับความงามของดีไซน์ และรายละเอียดของโครงการแบบ 360 องศาด้วย Object Touch อีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่จาก DEC Media

ในการขายโครงการคอนโดเปิดตัวใหม่นั้น มักจะเป็นที่รับรู้กันดีว่ายอดขายเกือบ 100% ล้วนมาจากการปิดการขายภายใน Sale Gallery สำหรับในบางโครงการยุคปัจจุบัน อาจมีการปิดการขายผ่านทางช่องทางอื่นบ้างเช่น Online Booking, On Premise Event ตามสถานที่ต่างๆ หรือการขายแบบ Direct Sale แต่ก็มีจำนวนที่ไม่มากนัก และที่สำคัญก็คือไม่ว่าลูกค้าจะซื้อผ่านช่องทางไหน สุดท้ายแล้ว Process ถัดมาของ Customer’s Journey ก็ต้องวนเวียนมาที่ Sale Gallery ในท้ายที่สุดอยู่ดี จริงไหมครับ?…ใช่ครับผมกำลังจะบอกว่า Sale Gallery ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก หรือใหญ่พร้อมห้องตัวอย่าง นั้นคือหนึ่งใน Brand Touchpoints ที่มีความสำคัญต่อการขายคอนโดมากที่สุด ไม่ว่านักการตลาดจะลงทุนซื้อสื่อโฆษณามากน้อยแค่ไหน จะเป็น TVC, Billboard, ป้ายข้างทาง, Banner Man, หรือว่าสื่อออนไลน์ ก็ล้วนแต่มีจุดประสงค์หลักเพื่อ Lead คนไปยัง Sale Gallery ของโครงการกันทั้งนั้น

Yes Watermark

แล้วทำไมลูกค้าต้องเข้ามาที่ Sale Gallery ด้วยล่ะ ในเมื่อหลายๆคนตัดสินใจซื้อห้องไปแล้วก่อนที่จะเห็นหน้าตาห้องตัวอย่าง หรือโมเดลโครงการด้วยซ้ำ หรือจะมีลูกค้าหลายคนที่นึกสนุกอยากเข้ามาทักทายสนทนากับน้องเซลล์เสียงหวาน ที่เอาบัตรเครดิตเราไปรูดจองมาแล้วล่วงหน้าเป็นเดือน…คำตอบที่น่าชัดเจนที่สุดก็คือพวกเขาเหล่านั้นอยากที่จะมาพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตัวเองครับ ว่าโครงการที่เค้าตัดสินใจซื้อไปนั้นมีดีจริง เป็นไปตามความคาดหมายที่ตั้งเอาไว้ตั้งแต่ตอนซื้อ และในสายตาของนักลงทุนก็ย่อมมองหาเหตุผล และหลักประกันที่จะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าห้องที่ตัวเองซื้อไปนั้นมีจุดขายดีพอ ที่จะทำให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาได้เห็นได้สัมผัสถึงความแตกต่างของห้องนั้นๆ จนนำมาซึ่งการตัดสินใจซื้อรีเซล

ในทางทฤษฎี นิยามของ Brand Touchpoints ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่อย่าง Retails Shop, Sale Gallery หรือจะเป็นชิ้นเล็กๆอย่างโบรชัวร์ไปจนถึงนามบัตร มักจะต้องมีองค์ประกอบที่สร้างความจดจำที่ดีในแง่ของ Brand Perception ให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นลูกค้าปัจจุบัน หรือลูกค้าใหม่ได้ โดยความจดจำที่ดีอาจรวมไปถึงการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆที่ลูกค้าได้มีส่วนร่วม (Engagement) จนนำมาซึ่งความปรารถนาที่จะครอบครองเป็นเจ้าของ… แต่ในทางกลับกัน เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริงที่แม้ว่านักการตลาดส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จในการนำคนจำนวนมากเข้าไปที่ Sale Gallery หรือพื้นที่ขายตาม On Premise Event อื่นๆได้ แต่กลับมี Conversion Rate ที่ค่อนข้างต่ำมากๆ ในบางโครงการหรือบาง Event อาจมากจนชนิดที่ว่าหากคน Walk เข้ามา 30 คนอาจจะปิดการขายได้แค่ 1 ห้องเท่านั้น ซึ่งจากประสบการณ์ของผม หากตัดปัจจัยในเรื่องของงบประมาณออก สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นเป็นจุดอ่อนก็คือลูกค้าหลายๆรายมองไม่เห็นจุดเด่นของโครงการ หรือของห้องนั้นๆ เนื่องจากตัวเซลล์เองก็มีอุปกรณ์ในการ Support การขายแค่โบรชัวร์, Sale Kit และใบราคาเป็นหลัก ซึ่งของเหล่านี้มันเป็นการ Represent โครงการในแบบ Snapshot มากๆ โดยที่ไม่ได้มีการถ่ายทอดจุดเด่นของโครงการในแง่มุมอื่นๆให้ลูกค้าได้สัมผัสเท่าที่ควรเลย ซึ่งลูกค้าสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่เชื่อเซลล์หรอกครับ แต่เค้าอยากเห็นอยากสัมผัสได้ด้วยตาตัวเองมากกว่า หากเป็นในสมัยก่อนเราก็จะเป็น Pain Reliever เป็นพวกอุปกรณ์ช่วยขายแบบจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ หรือ iPAD แต่ข้อเสียของอุปรณ์เหล่านี้ก็คือมันมีเยอะมาก จนผู้ซื้อเกิดเบื่อที่จะเดินเข้าไปกดเล่นแล้วครับ เพราะเข้าไปดูที่ Sale Gallery ที่ไหน หรือที่ Event ไหนๆ ก็จะเห็นจอแบบเดียวกัน เมนูเดียวกันไปหมดทุกที่ สุดท้ายประสบการณ์เหล่านี้จึงเป็น Ordinary Experience ที่ไม่ได้ช่วยสร้างความน่าจดจำอะไรให้กับลูกค้าเลย แถมเมื่อลูกค้าไม่ได้สนใจเล่น โอกาสที่จะปิดการขายในแบบ Impulse Purchasing ก็มีน้อยลงเช่นกัน

Yes Watermark

Object Touch สร้างความน่าจดจำด้วยการนำเสนอประสบการณ์ในการดูข้อมูลโครงการที่แตกต่าง หลังจากที่ตอนที่แล้วผมได้นำเสนอนวัตกรรม Digital Branding Tools ที่มีชื่อว่า Interactive Mapping View ซึ่งเป็น 1 ใน 5 Special Innovation Products ของ DEC Media ที่พร้อมจะช่วยยกระดับแบรนด์ของคุณให้ไม่เป็นสองรองใคร อีกทั้งยังเป็นการช่วยนำเสนอจุดขายให้โดนใจกลุ่มผู้ซื้ออสังหาฯในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี วันนี้ก็มาถึงคราวของ Object Touch บ้างครับ โดยเครื่องมือนี้จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับ Sale Gallery ของคุณไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ตลอดจนงาน Event เปิดตัวโครงการให้มีความน่าสนใจ กระตุ้นให้เกิด Brand Engagement และสร้าง Brand Perception ที่ดีในหมู่ผู้ที่สนใจซื้อได้ครับ

อุปกรณ์ Object Touch เครื่องแรกของ Estate Lounge ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท ดี อี ซี มีเดีย จำกัด ทางสิงห์ เอสเตท เลือกที่จะใช้เครื่องมือนี้ในการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ The ESSE Sukhumvit 36 ครับ ต้องบอกว่าเป็นการสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ซื้อในขั้นต้นให้ผู้ซื้อได้มีโอกาสศึกษาทุกแง่มุมของโครงการได้ด้วยตัวเอง ก่อนที่จะขึ้นไปดูห้องตัวอย่างบนชั้น 14 ครับโดย Hardware หลักของ Object Touch นั้นจะประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักคือ 1. ส่วนแสดงผลซึ่งก็คือโปรเจคเตอร์ 2. ส่วนควบคุมเมนูหลักซึ่งก็คือจอ Touch Screen ขนาดใหญ่วางราบไปเหมือนกับโต๊ะประชุมงานสุดล้ำ ที่ประกอบด้วยเมนูนำเสนอต่างๆ และ 3. ส่วน Controller ซึ่งเรียกว่า Object Controller ที่ลูกค้าใช้ในการควบคุมการแสดงผลของเมนูต่างๆบนจอ Touch Screen นั่นเองครับ

โดยหลักการทำงานของ Object Touch นั้นค่อนข้างมีความแตกต่างจากการนำเสนอในรูปแบบจอ Touch Screen แบบเดิมๆอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเป็นการแสดงผลการทำงานผ่านหน้าจอ Touch Screen ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ เหมือนกับโต๊ะประชุมในห้อง War Room แบบในหนัง Sci-Fi Hollywood ที่เราคุ้นตา และลิ้งค์ข้อมูลไปยังจอโปรเจคเตอร์ที่ผนัง 1 ด้าน หรือ 3 ด้าน ซึ่งความพิเศษของ Object Touch คือ การควบคุมผ่านตัววัตถุที่นำมาวางบนจอ Touch Screen โดยวัตถุที่นำมาวางนั้นจะเป็นไม้หรือ อะคริลิค หรือโลหะขึ้นรูปก็ได้ ตัวควบคุมนี้เรียกว่า Object Controller เมื่อวาง Object Controller ลงไปบนจอ Touch Screen และบิดองศาให้ได้ประมาณ 45 องศา หน้าจอก็จะแสดงเนื้อหาของคำสั่งที่ถูกลงโปรแกรมไว้ขึ้นมา โดยเราสามารถเลือกดูเนื้อหาได้จากการหมุนตัว Object Controller ไปที่คำสั่งต่างๆที่อยู่บนจอ

Yes Watermark

เมื่อวางและบิด 45 องศา ก็จะเห็นเมนูเนื้อหาของโครงการบนจอ Touch Screen โดยสามาถเลือกวาง Object Controller ในแบบ Multiple ได้ ซึ่ง Object Controller ชิ้นแรกจะสามารถเลือกดู Project Highlight, Hero Shot, Project Details, Panorama บนจอโปรเจคเตอร์ได้ ในขณะที่ Object Controller อีกชิ้นจะเอาไว้ดูเมนูอย่างวิวที่ได้บนอาคาร ในแต่ละความสูง ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน

Object Touch เป็นอีกขั้นของนวัตกรรม “Touchnology” ที่มีวิวัฒนาการมาจากจอ Touch Screen ที่เราเห็นทั่วไปตามงาน Event หรือ Sale Gallery ครับ สิ่งที่เป็นความแตกต่างอย่างชัดเจนก็คือผู้ที่สนใจโครงการมีแนวโน้มที่จะ Engage กับ Object Touch มากกว่าจอ Touch Screen แบบปกติ เนื่องจากมีกิมมิคให้เล่นมากกว่า และชุดอุปกรณ์ก็เอื้อให้เกิดการปฎิสัมพันธ์ที่มากขึ้นระหว่างพนักงานขาย และกลุ่มผู้ซื้อเป็นหมู่คณะ ช่วยให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์การดูข้อมูลที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครด้วยตัวเอง และยังช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูดีทันสมัยขึ้นมาได้ ไม่แพ้ Interactive Mapping View ที่ผมได้นำเสนอไปในตอนที่แล้วเลยครับ ไม่แน่ว่าลำพังแค่อุปกรณ์เซตนี้ก็อาจจะช่วยให้คุณประหยัดค่าก่อสร้างห้องตัวอย่างในบางโครงการไปได้ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่สามารถปรับเปลี่ยน Software ได้ อีกทั้งยังช่วยตอบทุกข้อสงสัยของลูกค้าเกี่ยวกับตัวโครงการได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ

NQ’ HOUSE

จากทาวเฮ้าส์เก่า 2 ชั้น บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 250 ตารางเมตร ที่แวดล้อมไปด้วยทาวเฮ้าส์หลังอื่นๆ ที่หน้าตาดูจะคล้ายๆ กัน เราก็มาสะดุดตาอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งดูรูปทรงโมเดิร์น

NQ Cover 1bkk

NQ’ HOUSE

NQ’ HOUSE บ้านเก่า…เล่าใหม่ บ้านที่สะท้อนตัวตนของเจ้าของบ้าน

จากทาวเฮ้าส์เก่า 2 ชั้น บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 250 ตารางเมตร ที่แวดล้อมไปด้วยทาวเฮ้าส์หลังอื่นๆ ที่หน้าตาดูจะคล้ายๆ กัน เราก็มาสะดุดตาอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งดูรูปทรงโมเดิร์น บ้านหลังนี้มีจุดเด่นแตกต่างจากหลังอื่นๆ ด้วยการต่อเติมโครงสร้างใหม่ สะดุดตาด้วยเส้นสายที่ดูเรียบง่ายสบายตาในกล่องสีขาว ตัดกับประตูรั้วและระเบียงเหล็กสีดำได้อย่างเป็นกันเอง ยามค่ำคืนเมื่อบ้านหลังนี้เปิดไฟ ก็จะได้บรรยากาศแสงไฟอบอุ่นที่ละมุนสายตาลอดออกมาตามช่องแสงทำให้บ้านหลังนี้ดูน่าค้นหาขึ้นมาทันที บ้านหลังนี้ตั้งชื่อตามตัวอักษรย่อของเจ้าของบ้านไว้อย่างน่ารัก “ NQ’ HOUSE”

Yes Watermark
Yes Watermark
Yes Watermark
Yes Watermark
Yes Watermark

เริ่มต้นจากโครงสร้างเดิมที่ทาวเฮ้าส์ส่วนใหญ่มักจะพบปัญหาเรื่องความทึบแสง ทำให้การออกแบบปรับปรุงโครงสร้างเจ้าของบ้านจึงเน้นเรื่องการเจาะช่องแสงขนาดใหญ่ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่ดหรือเป็นพระเอกของบ้านเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ก็เพื่อดึงแสงธรรมชาติให้กระจายเข้ามาถึงตัวบ้านเป็นการเปิดช่องแสงเดียวแต่สามารถกระจายแสงธรรมชาติไปได้ทั่วบ้าน อาทิ โถงบันได ห้องแต่งตัวและห้องนอน โดยเฉพาะบริเวณโถงชั้นล่าง พื้นที่นี้เรียกได้ว่าสวยทุกฤดู ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนที่แสงธรรมชาติส่องผ่าน หรือฤดูฝน ยามที่ฝนพรำกระทบพื้นไม้ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายของผู้อยู่อาศัยอย่างมาก ช่องแสงนี้ถูกออกแบบให้สามารถเปิด-ปิดโดยใช้ระบบไฟฟ้าเป็นตัวควบคุมคำสั่ง เลือกตาม Mood ของเจ้าของบ้านได้อย่างสะดวกสบายใน Concept “ OWN YOUR SKY ”

สำหรับฟังค์ชั่นส่วนต่างๆ ภายในบ้านนั้นผู้ออกแบบคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้าน การออกแบบไม่มีการกั้นเป็นห้องๆ แต่ออกแบบให้พื้นที่ทุกส่วนเชื่อมโยงถึงกันหมด โดยอิงจากกิจกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเป็นหลัก เมื่อผ่านโรงจอดรถเข้ามาจะพบกับโถงคอริดอร์ที่ทำหน้าที่เชื่อมและแบ่งระหว่างส่วนภายในตัวบ้านและพื้นที่นั่งเล่นกึ่ง Out door ที่มีวอยด์สูงจากพื้นจรดเพดานเปิดรับแสงธรรมชาติอยู่ 

เมื่อเข้ามาภายในตัวบ้าน สิ่งแรกที่ผู้ออกแบบตั้งใจให้ผู้มาเยือนได้พบเห็นนั่นก็คือ Identity หรือ อัตลักษณ์ของเจ้าของบ้าน ที่เห็นก็รู้ได้ทันทีถึงไลฟ์สไตล์ ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายโดยการปั่นจักรยานผสมผสานกับการท่องธรรมชาติ  โดยเจ้าของบ้านสามารถ Mix and Match พื้นที่โดยดีไซน์ให้บริเวณที่เก็บจักรยานกลายเป็นพื้นที่โชว์ของสะสมได้อย่างลงตัว ถัดมาจะเป็นส่วนของโต๊ะทำงานที่เจ้าของบ้านใช้ในการคิดงานหรือเคลียร์งานเล็กๆ น้อยๆ ที่สอดรับกับกิจวัตรประวัน

 ในส่วนรับประทานอาหารที่เป็นพื้นที่เชื่อมต่อมาจากโต๊ะทำงาน ถือว่าเป็นการออกแบบที่สะท้อนตัวตนของเจ้าของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของโต๊ะทานข้าวหรือการเลือกวัสดุที่เบรกด้วยความอบอุ่นจากวัสดุไม้ การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ใช้การวางให้แนวเส้นขอบโต๊ะทานข้าวไปถึงขอบเคาน์เตอร์ครัวรูปตัวยูเป็นแนวระนาบเดียวกันทำให้บ้านดูเนี้ยบและรู้สึกถึงความละเอียดและความใส่ใจตามแบบตัวตนของเจ้าของบ้าน ในพื้นที่นี้สามารถใช้ได้หลายฟังค์ชั่นไม่ว่าจะเป็นการทานข้าว, ทำงาน รับแขกหรือแม้กระทั่งปาร์ตี้เล็กๆ 

ในส่วนบันไดขึ้นชั้น 2 ไปสู่ห้องนอน เลือกใช้โครงสร้างบันไดเหล็กผสมกับแผ่นไม้จริง White oak ขนาด 3 นิ้วเพื่อให้รู้สึกถึงความแข็งแรงเวลาย่างก้าว ด้านข้างยังกรุกระจกใสเปิดโล่ง ยามที่แสงแดดส่องเกิดเงาถือเป็นเสน่ห์ที่ทำให้บันไดที่ดูเรียบๆ สวยขึ้นมาทันตา พอขึ้นมาชั้น 2 เปิดเข้าสู่ห้องนอน ถือเป็นห้องแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง ด้วยความเรียบโล่งและเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแต่เต็มไปด้วยฟังค์ชั่น ห้องแห่งการพักผ่อนนี้เชื่อมต่อกับห้องน้ำที่เจ้าของบ้านมักจะใช้ผ่อนคลายยามเหนื่อยล้าด้วยการออกแบบปรับปรุงพื้นที่ใหม่ ปรับระดับให้ฝ้าเพดานมีความสูงขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนโรงแรมแล้วเลือกใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกธรรมชาติแต่มีความทนทาน เช่น หินเทียม รูปทรงเคาน์เตอร์และสุขภัณฑ์เป็นงานโมเดิร์น เรียบ เนี้ยบ แต่มากด้วยรายละเอียด

 ขึ้นชื่อว่าบ้านไม่ว่าจะเป็นสไตล์ไหน ถ้าการออกแบบตอบโจทย์กับไลฟ์ไตล์ของเจ้าของบ้าน บ้านก็คือที่พักผ่อน คือสถานที่ที่คอยเชื้อเชิญและต้อนรับคุณด้วยความอบอุ่นทุกครั้งที่คุณต้องการเสมอ

ให้ Photographer ที่มีความเข้าใจและความละเอียดตลอดจนการใส่ใจเข้าไปในการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพสวยๆ สามารถติดต่อ DEC MEDIA ได้นะคะ

PROJECT: NQ HOUSE
INTERIOR AND ARCHITECT DESIGN: TEAM THEROOMMAKER
SERVICE: DEC PHOTOGRAPHY
PHOTOGRAPHER: SURAWEE TANGJITWATTANA

#รับทำ3Dsimulator #รับทำ3Dpresentation #รับทำออกแบบภาพ3มิติ #รับทำ3Dmodel #รับทำanimation #รับทำ3Danimation #รับทำ3Dperspective #รับออกแบบ3Dperspective #Photography #Architecture #InteriorDesign

THE TRUST @BTS ERAWAN

DEC Photography ถ่ายทอดมุมมองธรรมชาติใกล้ตัว ลดทอนความแข็งแกร่งเติมความอ่อนโยนด้วย “เส้นสายลายดอกไม้” ดีไซน์ที่สร้างเสน่ห์ “The Trust” @ BTS Erawan จาก Q House

cover The Trust

THE TRUST @BTS ERAWAN

DEC Photography ถ่ายทอดมุมมองธรรมชาติใกล้ตัว ลดทอนความแข็งแกร่งเติมความอ่อนโยนด้วย “เส้นสายลายดอกไม้” ดีไซน์ที่สร้างเสน่ห์ “The Trust” @ BTS Erawan จาก Q House

โครงการเดอะทรัสต์ เอราวัณ โครงการที่เชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ต่อขยายช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ (อยู่ระหว่างก่อสร้าง) เป็นคอนโดสูง 30 ชั้น 1,570 ยูนิต ห้องพักมีทั้งแบบ Studio 1 Bedroom และ 2 Bedroom (Combined) จาก Q House ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพระดับประเทศ ทำให้คุณมั่นใจได้ในทุกโครงการ 

ครั้งนี้ Photography By DEC MEDIA นำภาพถ่ายห้องชุดตัวอย่างของโครงการมาฝากคุณผู้อ่าน อย่างแรกเมื่อก้าวเข้าสู่ภายในห้อง ก็พบกับความโดดเด่นด้วยการเลือกใช้วอลเปเปอร์ที่เป็นลายภาพพิมพ์ดอกไม้นานาพรรณ ต่างกันไปตามฟังค์ชั่นส่วนต่างๆ สีและลวดลายของดอกไม้ก็แตกต่างกันไป ดังเช่นในส่วนที่เป็น Living room รูปทรงของดอกไม้ หรือแม้กระทั่งใบไม้ เลือกการตกแต่งใช้ดอกที่เป็นทรงช่อโดยจัดวางการติดให้ดูเป็นลักษณะช่อที่พาดลงบนผนังและมีกลีบใบโปรยปราย ทำให้ผนังในส่วนนี้ดูไม่โล่ง

Yes Watermark
Yes Watermark
Yes Watermark

ส่วนรูปแบบของเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง เลือกใช้โซฟาบุหนังที่สีสันเข้ากับลายวอลเปเปอร์ และพื้นไม้ลามิเนตที่โครงการมีให้  การจัดวางไม้กระถางประดับก็เลือกวางในมุมสายตามองออกไปแล้วกลืนกับธรรมชาติสีเขียว และโค้งน้ำด้านนอกระเบียง ถัดมาในส่วนสเปซครัว เฟอร์นิเจอร์ที่ติดตั้งมาพร้อมโครงการที่เป็น Fully Furnished ได้แก่ Kitchen & Sink , Hob & Hood ในส่วนของห้องครัวนี้ ห้องตัวอย่างที่จัดสามารถถ่ายทอดจากจัดวาง Lay out ออกมาได้อย่างเป็นสัดส่วน สเปซส่วนนี้เป็นจุดเชื่อมกลาง (Combine) ระหว่างห้องนอนและห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่น 

ถัดมาจะเป็นในส่วนของห้องนอน ที่ Photographer เลือกถ่ายภาพจุดที่เป็นไฮไลต์หรือมุมขายที่ถ่ายทอดความรู้สึกผ่อนคลายน่าพักผ่อน การรับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างและประตูบานใหญ่ ที่ออกแบบให้เปิดรับวิวของต้นไม้สีเขียวและโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเต็มตา เพิ่มพลังยามเช้าให้พร้อมลุยกับงานในทุกวัน  

PROJECT : THE TRUST @ERAWAN
INTERIOR DESIGN : INTERIOR VISIONS
SERVICE : DEC PHOTOGRAPHY
PHOTOGRAPHER : ONGARD  BUACHUANG

#รับทำ3Dsimulator #รับทำ3Dpresentation #รับทำออกแบบภาพ3มิติ #รับทำ3Dmodel #รับทำanimation #รับทำ3Danimation #รับทำ3Dperspective #รับออกแบบ3Dperspective #Photographt #Architecture #InteriorDesign

ONE BANGKOK

เป็นอีกหนึ่งในความภูมิใจที่สุดในปีนี้ที่ DEC MEDIA เข้าร่วมออกแบบและสร้างสรรค์ Sale Gallery แห่งใหม่ ที่มีขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดกับ One Bangkok  โครงการที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ระดับฐานราก รวมทุกอย่างที่เป็นที่สุดไว้ที่นี่ “แลนมาร์กระดับโลก” ที่จะเปิดตัวในไทยปี 2566

Cover 1bkk 02

ONE BANGKOK

เป็นอีกหนึ่งในความภูมิใจที่สุดในปีนี้ที่ DEC MEDIA เข้าร่วมออกแบบและสร้างสรรค์ Sale Gallery แห่งใหม่ ที่มีขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดกับ One Bangkok  โครงการที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ระดับฐานราก รวมทุกอย่างที่เป็นที่สุดไว้ที่นี่ “แลนมาร์กระดับโลก” ที่จะเปิดตัวในไทยปี 2566

One Bangkok เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่พัฒนาโดยกิจการร่วมทุนระหว่างบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด โครงการอสังหาฯ ในรูแบบ “มิกซ์ยูส” ที่ใหญ่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ที่ออกแบบความเป็นแลนมาร์กแห่งความครบครันเพื่อการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบแห่งแรก และที่สำคัญโครงการนี้ยังถือว่าเป็นโครงการที่รวบรวมเอาความเป็นที่สุดในหลายๆ ส่วน มาประกอบรวม แล้วกลายเป็นแลนมาร์กที่เป็น      บิ๊กโปรเจคต์ที่สำคัญในธุรกิจอสังหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก  เริ่มตั้งแต่การเลือกกำหนดจุดยุทศาสตร์ ทำเลที่ตั้งก็ถือว่าเป็นหนึ่งในที่สุดของพื้นที่ที่สำคัญทั้งในแง่การลงทุนและการอยู่อาศัย นั่นก็คือถนนพระราม 4 – ถนนวิทยุ ตามมาด้วยเนื้อที่และมูลค่าที่ใช้ก่อสร้างโครงการที่ถือว่ามูลค่าสูงที่สุดเช่นกัน อยู่ที่ 104 ไร่ 1.2 แสนล้านบาท

 จากการออกแบบพื้นที่เพื่อให้เป็นเมืองที่สุดแห่งความครบครัน ดังนั้นมาสเตอร์แพลนที่ออกมาจึงถือว่ามีความเป็นที่สุดทั้งในแง่ของการลงทุนรวมถึงการอยู่อาศัยที่เหมาะกับผู้บริโภคสมัยใหม่และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอยู่ตลลอดเวลา ไฮไลต์อย่างหนึ่งของโครงการนี้ คือการมี Signature Tower สูง 430 เมตร ซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในสิบตึกที่สูงที่สุดในอาเซียน โครงการประกอบไปด้วย ตึกสำนักงานเกรดเอ 5 อาคารที่เปิดพื้นที่เช่ารองรับบุคลากรขององค์กรทั้งในและต่างประเทศกว่า 500 บริษัท พื้นที่ร้านค้า ร้านอาหารกว่า 450 ร้าน โรงแรม 5 แห่งตั้งแต่ระดับบูทีคโฮเทลไปจนถึงซุปเปอร์ลักชัวรี่  และที่พักอาศัย 3 อาคาร ที่รองรับความสมบูรณ์แบบของการอยู่อาศัยไปจนถึงที่สุดของความอัลตร้าลักชัวรี่

สำหรับโครงการนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ทันทีที่เริ่มก่อสร้าง One Bangkok ก็ประกาศความสำเร็จการเทคอนกรีตในส่วนของฐานรากที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทันที  โดยจะเป็นไปตามมาตรฐานการพัฒนาชุมชนแวดล้อมระดับโลก ซึ่งมีข้อกำหนดและมาตรฐานที่เข้มงวดมากในด้านสิ่งแวดล้อม

Yes Watermark
Yes Watermark

สำหรับใครที่อยากเข้าชมโครงการ ตอนนี้ Sale Gallery อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะเปิดให้ได้ชมกันเร็วๆ นี้ โดยภายในได้ใส่ Innovation Experience ตัวใหม่ล่าสุด จาก DEC MEDIA ตัวอย่างเช่น “New Motion Mapping Theatre, Interactive Boarderless 5 Touchscreen, New 3D Simulator Model”

ในระหว่างนี้ DEC MEDIA นำผลงานภาพถ่ายสวยๆจาก DEC PHOTOGRAPHY ใน Sale Gallery ของโครงการ One Bangkok  มาให้ได้ชมกันก่อน เรียกได้ว่าโครงการนี้น่าสนใจตั้งแต่มาสเตอร์แพลนมาจนถึงการออกแบบ Sale Gallery เลยทีเดียว การออกแบบใช้เป็นเส้นสายและฟอร์มที่ดูโมเดิร์นแต่แฝงไปด้วยความลักชัวรี่ เมื่อมองจากภายนอกเข้ามาจะเห็นเป็นอาคารทรงกล่องปิดทึบแต่เมื่ออยู่ภายในกลับรู้สึกโปร่งสบายด้วยช่องแสงที่เป็นกระจกใสสูงจากพื้นจรดแนวเส้นกรอบหลังคา คอยทำหน้าที่ดึงแสงธรรมชาติจากภายนอกรวมถึงสีเขียวจาก Landscape ด้านนอก ช่วยให้ผู้ที่เข้าชม Sale Gallery แห่งนี้มีจุดพักผ่อนสายตา 

นอกจากนี้ยังเน้นการตกแต่งด้วยของที่มีความมันวาว อาทิ กระจก สเตนเลส วัสดุชุบโครเมียม หรือแม้กระทั่งพื้นหินแกรนิตสีดำมันวาว ที่ช่วยเพิ่มความหรูหราทันทีที่คุณสัมผัสเข้าไปยังภายใน โครงสร้างทาง สถาปัตย์จากภายนอกอาคาร ใช้เส้นสายเรียบๆ ด้วยลักษณะที่เป็นเสมือนกล่องสี่เหลี่ยม แต่ภายในผู้ออกแบบได้ใช้เส้นโค้งมน เข้ามาช่วยลดทอนความแข็งในการแบ่งสัดส่วนห้องจัดแสดงส่วนต่างๆ ได้อย่างลงตัว

สำหรับเฟอร์นิเจอร์ในแต่ละโซนที่โครงการจัดไว้ให้ มีไว้รองรับลูกค้า ทั้งกลุ่มเล็ก, ใหญ่ แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นส่วนตัวแบบไม่อึดอัด แม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้เน้นเส้นสายที่ดูเรียบ แต่มีกลิ่นอายของความอบอุ่น ผสมผสานความหรูหราจากของตกแต่งที่มีความเงาเน้นการใช้สีทอง หรือสีโทนเมทัลลิค ในการตกแต่งเป็นซึ่งเอกลักษณ์ของสไตล์โมเดิร์น ลักชัวรี 

ย่างไรก็ตามเมื่อ Sale Gallery แห่งนี้พร้อมเปิดให้เข้าชมโครงการที่เป็น “แลนด์มาร์ก” ระดับโลกเมื่อไหร่ ทุกท่านคงได้พบกับ Marketing Tools ที่ DEC MEDIA เลือกนำมาใช้สื่อสารข้อมูลโครงการ “One Bangkok” มิกซ์ยูสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ที่ทันสมัยและดีที่สุดในกรุงเทพที่นี่เร็วๆ นี้

PROJECT : ONE BANGKOK
CLIENT : TCC ASSETS , FRASERS CENTREPOINT LIMITED
PHOTOGRAPHER : ONGARD  BUACHUANG

#รับทำ3Dsimulator #รับทำ3Dpresentation #รับทำออกแบบภาพ3มิติ #รับทำ3Dmodel #รับทำanimation #รับทำ3Danimation #รับทำ3Dperspective #รับออกแบบ3Dperspective #Photographt #Architecture