INTERACTIVE OBJECT TOUCH

หมดยุคจอ Touch Screen ในแบบธรรมดา! ให้ผู้ซื้อได้สัมผัสกับความงามของดีไซน์ และรายละเอียดของโครงการแบบ 360 องศาด้วย Object Touch อีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่จาก DEC Media

ในการขายโครงการคอนโดเปิดตัวใหม่นั้น มักจะเป็นที่รับรู้กันดีว่ายอดขายเกือบ 100% ล้วนมาจากการปิดการขายภายใน Sale Gallery สำหรับในบางโครงการยุคปัจจุบัน อาจมีการปิดการขายผ่านทางช่องทางอื่นบ้างเช่น Online Booking, On Premise Event ตามสถานที่ต่างๆ หรือการขายแบบ Direct Sale แต่ก็มีจำนวนที่ไม่มากนัก และที่สำคัญก็คือไม่ว่าลูกค้าจะซื้อผ่านช่องทางไหน สุดท้ายแล้ว Process ถัดมาของ Customer’s Journey ก็ต้องวนเวียนมาที่ Sale Gallery ในท้ายที่สุดอยู่ดี จริงไหมครับ?…ใช่ครับผมกำลังจะบอกว่า Sale Gallery ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก หรือใหญ่พร้อมห้องตัวอย่าง นั้นคือหนึ่งใน Brand Touchpoints ที่มีความสำคัญต่อการขายคอนโดมากที่สุด ไม่ว่านักการตลาดจะลงทุนซื้อสื่อโฆษณามากน้อยแค่ไหน จะเป็น TVC, Billboard, ป้ายข้างทาง, Banner Man, หรือว่าสื่อออนไลน์ ก็ล้วนแต่มีจุดประสงค์หลักเพื่อ Lead คนไปยัง Sale Gallery ของโครงการกันทั้งนั้น

INTERACTIVE OBJECT TOUCH 1

แล้วทำไมลูกค้าต้องเข้ามาที่ Sale Gallery ด้วยล่ะ ในเมื่อหลายๆคนตัดสินใจซื้อห้องไปแล้วก่อนที่จะเห็นหน้าตาห้องตัวอย่าง หรือโมเดลโครงการด้วยซ้ำ หรือจะมีลูกค้าหลายคนที่นึกสนุกอยากเข้ามาทักทายสนทนากับน้องเซลล์เสียงหวาน ที่เอาบัตรเครดิตเราไปรูดจองมาแล้วล่วงหน้าเป็นเดือน…คำตอบที่น่าชัดเจนที่สุดก็คือพวกเขาเหล่านั้นอยากที่จะมาพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตัวเองครับ ว่าโครงการที่เค้าตัดสินใจซื้อไปนั้นมีดีจริง เป็นไปตามความคาดหมายที่ตั้งเอาไว้ตั้งแต่ตอนซื้อ และในสายตาของนักลงทุนก็ย่อมมองหาเหตุผล และหลักประกันที่จะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าห้องที่ตัวเองซื้อไปนั้นมีจุดขายดีพอ ที่จะทำให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาได้เห็นได้สัมผัสถึงความแตกต่างของห้องนั้นๆ จนนำมาซึ่งการตัดสินใจซื้อรีเซล

ในทางทฤษฎี นิยามของ Brand Touchpoints ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่อย่าง Retails Shop, Sale Gallery หรือจะเป็นชิ้นเล็กๆอย่างโบรชัวร์ไปจนถึงนามบัตร มักจะต้องมีองค์ประกอบที่สร้างความจดจำที่ดีในแง่ของ Brand Perception ให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นลูกค้าปัจจุบัน หรือลูกค้าใหม่ได้ โดยความจดจำที่ดีอาจรวมไปถึงการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆที่ลูกค้าได้มีส่วนร่วม (Engagement) จนนำมาซึ่งความปรารถนาที่จะครอบครองเป็นเจ้าของ… แต่ในทางกลับกัน เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริงที่แม้ว่านักการตลาดส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จในการนำคนจำนวนมากเข้าไปที่ Sale Gallery หรือพื้นที่ขายตาม On Premise Event อื่นๆได้ แต่กลับมี Conversion Rate ที่ค่อนข้างต่ำมากๆ ในบางโครงการหรือบาง Event อาจมากจนชนิดที่ว่าหากคน Walk เข้ามา 30 คนอาจจะปิดการขายได้แค่ 1 ห้องเท่านั้น ซึ่งจากประสบการณ์ของผม หากตัดปัจจัยในเรื่องของงบประมาณออก สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นเป็นจุดอ่อนก็คือลูกค้าหลายๆรายมองไม่เห็นจุดเด่นของโครงการ หรือของห้องนั้นๆ เนื่องจากตัวเซลล์เองก็มีอุปกรณ์ในการ Support การขายแค่โบรชัวร์, Sale Kit และใบราคาเป็นหลัก ซึ่งของเหล่านี้มันเป็นการ Represent โครงการในแบบ Snapshot มากๆ โดยที่ไม่ได้มีการถ่ายทอดจุดเด่นของโครงการในแง่มุมอื่นๆให้ลูกค้าได้สัมผัสเท่าที่ควรเลย ซึ่งลูกค้าสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่เชื่อเซลล์หรอกครับ แต่เค้าอยากเห็นอยากสัมผัสได้ด้วยตาตัวเองมากกว่า หากเป็นในสมัยก่อนเราก็จะเป็น Pain Reliever เป็นพวกอุปกรณ์ช่วยขายแบบจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ หรือ iPAD แต่ข้อเสียของอุปรณ์เหล่านี้ก็คือมันมีเยอะมาก จนผู้ซื้อเกิดเบื่อที่จะเดินเข้าไปกดเล่นแล้วครับ เพราะเข้าไปดูที่ Sale Gallery ที่ไหน หรือที่ Event ไหนๆ ก็จะเห็นจอแบบเดียวกัน เมนูเดียวกันไปหมดทุกที่ สุดท้ายประสบการณ์เหล่านี้จึงเป็น Ordinary Experience ที่ไม่ได้ช่วยสร้างความน่าจดจำอะไรให้กับลูกค้าเลย แถมเมื่อลูกค้าไม่ได้สนใจเล่น โอกาสที่จะปิดการขายในแบบ Impulse Purchasing ก็มีน้อยลงเช่นกัน

INTERACTIVE OBJECT TOUCH 2

Object Touch สร้างความน่าจดจำด้วยการนำเสนอประสบการณ์ในการดูข้อมูลโครงการที่แตกต่าง หลังจากที่ตอนที่แล้วผมได้นำเสนอนวัตกรรม Digital Branding Tools ที่มีชื่อว่า Interactive Mapping View ซึ่งเป็น 1 ใน 5 Special Innovation Products ของ DEC Media ที่พร้อมจะช่วยยกระดับแบรนด์ของคุณให้ไม่เป็นสองรองใคร อีกทั้งยังเป็นการช่วยนำเสนอจุดขายให้โดนใจกลุ่มผู้ซื้ออสังหาฯในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี วันนี้ก็มาถึงคราวของ Object Touch บ้างครับ โดยเครื่องมือนี้จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับ Sale Gallery ของคุณไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ตลอดจนงาน Event เปิดตัวโครงการให้มีความน่าสนใจ กระตุ้นให้เกิด Brand Engagement และสร้าง Brand Perception ที่ดีในหมู่ผู้ที่สนใจซื้อได้ครับ

อุปกรณ์ Object Touch เครื่องแรกของ Estate Lounge ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท ดี อี ซี มีเดีย จำกัด ทางสิงห์ เอสเตท เลือกที่จะใช้เครื่องมือนี้ในการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ The ESSE Sukhumvit 36 ครับ ต้องบอกว่าเป็นการสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ซื้อในขั้นต้นให้ผู้ซื้อได้มีโอกาสศึกษาทุกแง่มุมของโครงการได้ด้วยตัวเอง ก่อนที่จะขึ้นไปดูห้องตัวอย่างบนชั้น 14 ครับโดย Hardware หลักของ Object Touch นั้นจะประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักคือ 1. ส่วนแสดงผลซึ่งก็คือโปรเจคเตอร์ 2. ส่วนควบคุมเมนูหลักซึ่งก็คือจอ Touch Screen ขนาดใหญ่วางราบไปเหมือนกับโต๊ะประชุมงานสุดล้ำ ที่ประกอบด้วยเมนูนำเสนอต่างๆ และ 3. ส่วน Controller ซึ่งเรียกว่า Object Controller ที่ลูกค้าใช้ในการควบคุมการแสดงผลของเมนูต่างๆบนจอ Touch Screen นั่นเองครับ

โดยหลักการทำงานของ Object Touch นั้นค่อนข้างมีความแตกต่างจากการนำเสนอในรูปแบบจอ Touch Screen แบบเดิมๆอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเป็นการแสดงผลการทำงานผ่านหน้าจอ Touch Screen ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ เหมือนกับโต๊ะประชุมในห้อง War Room แบบในหนัง Sci-Fi Hollywood ที่เราคุ้นตา และลิ้งค์ข้อมูลไปยังจอโปรเจคเตอร์ที่ผนัง 1 ด้าน หรือ 3 ด้าน ซึ่งความพิเศษของ Object Touch คือ การควบคุมผ่านตัววัตถุที่นำมาวางบนจอ Touch Screen โดยวัตถุที่นำมาวางนั้นจะเป็นไม้หรือ อะคริลิค หรือโลหะขึ้นรูปก็ได้ ตัวควบคุมนี้เรียกว่า Object Controller เมื่อวาง Object Controller ลงไปบนจอ Touch Screen และบิดองศาให้ได้ประมาณ 45 องศา หน้าจอก็จะแสดงเนื้อหาของคำสั่งที่ถูกลงโปรแกรมไว้ขึ้นมา โดยเราสามารถเลือกดูเนื้อหาได้จากการหมุนตัว Object Controller ไปที่คำสั่งต่างๆที่อยู่บนจอ

INTERACTIVE OBJECT TOUCH 6

เมื่อวางและบิด 45 องศา ก็จะเห็นเมนูเนื้อหาของโครงการบนจอ Touch Screen โดยสามาถเลือกวาง Object Controller ในแบบ Multiple ได้ ซึ่ง Object Controller ชิ้นแรกจะสามารถเลือกดู Project Highlight, Hero Shot, Project Details, Panorama บนจอโปรเจคเตอร์ได้ ในขณะที่ Object Controller อีกชิ้นจะเอาไว้ดูเมนูอย่างวิวที่ได้บนอาคาร ในแต่ละความสูง ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน

Object Touch เป็นอีกขั้นของนวัตกรรม “Touchnology” ที่มีวิวัฒนาการมาจากจอ Touch Screen ที่เราเห็นทั่วไปตามงาน Event หรือ Sale Gallery ครับ สิ่งที่เป็นความแตกต่างอย่างชัดเจนก็คือผู้ที่สนใจโครงการมีแนวโน้มที่จะ Engage กับ Object Touch มากกว่าจอ Touch Screen แบบปกติ เนื่องจากมีกิมมิคให้เล่นมากกว่า และชุดอุปกรณ์ก็เอื้อให้เกิดการปฎิสัมพันธ์ที่มากขึ้นระหว่างพนักงานขาย และกลุ่มผู้ซื้อเป็นหมู่คณะ ช่วยให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์การดูข้อมูลที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครด้วยตัวเอง และยังช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูดีทันสมัยขึ้นมาได้ ไม่แพ้ Interactive Mapping View ที่ผมได้นำเสนอไปในตอนที่แล้วเลยครับ ไม่แน่ว่าลำพังแค่อุปกรณ์เซตนี้ก็อาจจะช่วยให้คุณประหยัดค่าก่อสร้างห้องตัวอย่างในบางโครงการไปได้ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่สามารถปรับเปลี่ยน Software ได้ อีกทั้งยังช่วยตอบทุกข้อสงสัยของลูกค้าเกี่ยวกับตัวโครงการได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ