BANGKOK DESIGN WEEK 2020

วันนี้ Dec Media จะพาไปชม 3 จุด Technology ภายในงาน Bangkok Design Week 2020 กันค่ะ โดยงานในปีนี้มาใน Concept ‘Resilience: New Potential for Living ปรับตัว>อยู่รอด>เติบโต’

BANGKOK DESIGN WEEK 2020

วันนี้ Dec Media จะพาไปชม 3 จุด Technology  ภายในงาน Bangkok Design Week 2020 กันค่ะ โดยงานในปีนี้มาใน Concept  ‘Resilience: New Potential for Living ปรับตัว>อยู่รอด>เติบโต’ ซึ่งจุดที่ Dec Media จะพาไปชมนั้นเป็นการผสมผสานระหว่าง Technology + Creative จะออกมาเป็นยังไงไปชมกันเลย

จุดแรกที่จะพาไปชมอยู่บริเวณสามย่าน วีธีการเดินทางสามารถขึ้น MRT มาลงสถานีสามย่านจากนั้นเดินออกประตูสามย่านมิตรทาวน์ หลังจากนั้นให้เดินออกจากตึกสามย่านมิตรทาวน์แล้วเลี้ยวขวาเดินตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอกับสถานที่จัดงานคือตึกแถวเลขที่ 1517 สามารถเปิดประตูเข้าไปชมงานได้เลยค่ะ

Reincarnation – Lighting Installation

โดย : RAWROOM ร่วมกับ L&E

Location : ตึกแถวเลขที่ 1517 

เป็นผลงานที่สะท้อนในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ห้องแถวเก่าและองค์ประกอบของยุคสมัยใหม่ โดยการนำเทคโนโลยีแสงเลเซอร์มาใช้ในการยิงแสงเข้ากับต้นไม้เพื่อสื่อสารผลงานศิลปะ สื่อถึงการเปลี่ยนแปลงจากอดีตสู่ปัจจุบันของย่าน ที่บริบทของเมืองมีความเปลี่ยนไปและพฤติกรรมของมนุษย์ส่งผลต่อสภาวะแวดล้อม

มาต่อจุดที่สองกันเลยค่ะนั้นก็คือย่านเจริญกรุงซึ่งถือได้ว่าเป็น Location หลักของงานเลยก็ว่าได้ ในบริเวณนี้จะมีผลงานให้เดินชมหลากหลายจุดรวมถึงยังมีแหล่งถ่ายรูปเก๋ๆแนว Street Art ให้ได้แช๊ะภาพเยอะมากกกก ถูกใจเหล่า Photographer แน่นอนและจุดที่นำเทคโลยีมาใช้ในการสื่อสารผลงานแล้วน่าสนใจมากๆอีกสองจุดคือผลงาน hydroaesthetic และ Projection Mapping การเดินทางให้ขึ้น BTS มาลงที่สถานีสะพานตากสิน หลังจากนั้นให้นั่งวินต่อไปที่ตลาดน้อย หรือ River City Bangkok ก็ได้ค่ะ

Reincarnation – Multimedia Interactive Installation

โดย : MU STUDIO

location : สถานีสูบน้ำกรุงเกษม

เป็นอีกผลงาน Interactive ที่ผู้ชมมีความสนุกสนานมากๆในการมีส่วนร่วมกับผลงาน ผ่านการควบคุมการไหลของน้ำด้วยตนเอง หรือเพียงนำมือไปจุ่มๆวนๆในน้ำก็จะปรากฏลวดลายขึ้นที่กำแพงของโรงสูบน้ำ ที่สะท้อนถึงคุณค่าและความหลากหลายในพื้นที่เจริญกรุง – ตลาดน้อย บนแนวคิดศิลปะที่เข้าถึงง่ายสำหรับคนทุกกลุ่ม ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดลาดลายขึ้นนั้นเพราะผลงานชิ้นนี้ใช้เทคโนโลยี Kinetic จับการเคลื่อนไหวของร่างกาย และแผ่นเซนเซอร์จับการไหลของน้ำทำให้เกิดลวดลายเมื่อเราเปิดก็อกน้ำค่ะ

Reincarnation – Bangkok Projection Mapping Competition

สนับสนุนโดย : CEA X EPSON THAILAND

ดำเนินการผลิตโดย : YIMSAMER

location : บ้านเลขที่ 1

และจุดที่เป็น Highlight ของงานที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ Bangkok Projection Mapping ซึ่งผลงานที่นำมาโชว์นั้นได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีจากผู้เข้าประกวดทั้งกลุ่มนักศึกษาและบุคคลธรรมดาภายใต้แนวคิด “Shift – Alternate” สื่อสารให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงรวมถึงความเป็นอยู่ของผู้คนในย่านตลาดน้อย โดยการฉายโปรเจคชั่นขึ้นไปบนสถาปัตยกรรมที่สำคัญในย่านนั้น ลวดลายการเคลื่อนไหวของภาพที่ฉายบนตัวอาคารจะถูกดีไซน์ให้สอดคล้องกับแนวคิดรวมถึงตัวอาคารค่ะ

จากงาน Bangkok Design Week 2020 ทำให้เห็นว่าการสื่อสารในยุคปัจจุบันนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปต้องมีทั้ง Technology and Creative ผสมผสานเพื่อให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ ดึงดูดผู้คนให้เกิดความสนใจตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย 

แล้วพบกันใหม่ในงาน Event ครั้งต่อไปนะคะ

CES 2020 BY DEC MEDIA EP.2

YEAR OF “PROJECTION MAPPING” เรียกได้ว่า แทบจะไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในการทำอีกแล้ว ไม่ว่าพื้นที่จะแสงมากแสงน้อยไม่ใช่ปัญหา

CES 2020 BY DEC MEDIA EP.2

มาต่อกันที่ DEC on CES 2020 EP2. ค่ะ

YEAR OF “PROJECTION MAPPING” เรียกได้ว่า แทบจะไม่มีข้อจำกัดใดๆ ในการทำอีกแล้ว ไม่ว่าพื้นที่จะแสงมากแสงน้อยไม่ใช่ปัญหา / ปัญหาอยู่ที่ไม่ใช่ What to say แต่เป็น “How to say” สุดท้ายแล้ว Content is KING

Ghost LED : นำกระจกใน Sale Office เดิมๆ แต่เติม Interactive Content เข้าไปได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นตู้ปลา กระจกแต่งหน้าไปจนถึง Mapping View

Ai ยุค 2020 ทั้งล้ำ และ มีอารมณ์ขัน ประยุกต์บทสนทนาได้หลากหลายสุดๆ อีกทั้งยังคุยกับเราเป็นกลุ่มพร้อมกันทีละหลายๆคนได้อีกด้วย ไม่แน่ในอนาคตอีก2ปี เราอาจจะไม่ต้องใช้ Sale ในการขาย Condo แล้วก็ได้

“Everything upgrade” อย่าง Drone ล่าสุดก็สามารถบินตากฝนได้แล้ว ,จอ Display ต่างๆ ก็ถูกฝังเข้าไปในทุกๆผิววัสดุได้อย่างแนบเนียน รวมถึง การใช้ Technic object touch เข้ามาช่วยในการโชว์ผิววัสดุจริงๆ ผสม กับ Media content ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

Model mapping ในปี 2020 ต้อง Interact ได้…. ไม่งั้น แค่ Passive model mapping ธรรมดา เดี๋ยวนี้ดึงความสนใจของลูกค้าไว้ไม่อยู่แล้ว เหมือนที่อสังหาฯต้องมีการผสานการ Control แบบ I-MODEL ลงไปเพื่อที่จะได้ตอบโจทย์กับลูกค้าในยุคสมัยนี้

สรุป….. Trend ในปีนี้ ที่ได้จาก CES 2020 ในมิติของการทำ Innovation experiment & Sale tools.

1.ทุกอย่างต้องถูกคิดให้ลึกลงไปให้เจอความต้องการของลูกค้าจริงๆ ทุก Interface ต้องถูกออกแบบให้ Customize ได้ตามจริตของผู้ใช้งานในยุค internet centric
2. SPEED IS “KING” ลูกค้าทุกคนรอได้น้อยลงจนเรานึกไม่ถึง จนกลายเป็น “NEW NORMAL”ต่อให้สวยดีเลิศขนาดไหน ถ้าไม่เร็วพอที่ลูกค้าอยากจะได้ก็”เกิดยาก”
3. Year of “virtual interactive” ทุกอย่างต้องอนุญาตให้คนเข้าไปมีส่วนร่วมได้ ไม่ว่าจะเป็น Animation,Mapping,Object touch, หมดยุค PASSIVE CONTENT แล้ว

แล้วพบกันใหม่ในงาน Event ระดับโลกครั้งต่อไปนะคะ

CES 2020 BY DEC MEDIA EP.1

CES 2020 BY DEC MEDIA EP.1
ผ่านพ้นไปแล้ว กับ DEC on CES 2020 ที่ LAS VEGAS กับทางคุณคิว MD จาก DEC MEDIA

CES 2020 BY DEC MEDIA EP.1

ผ่านพ้นไปแล้ว กับ DEC on CES 2020 ที่ LAS VEGAS กับทางคุณคิว MD จาก DEC MEDIA ด้วยขนาดพื้นที่ 2.9 ล้านตารางฟุต (ประมาณเอา 5 impact challenger hall มาต่อกัน กับผู้เข้าชมจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 200,000 คน) เรียกได้ว่าเดินกันขาลาก เลยทีเดียว เดี๋ยวมาดูกันว่า ปีนี้ทาง DEC จับประเด็นอะไรมาต่อยอดและพัฒนา ให้กับ INNOVATION ใหม่ๆ ในบ้านเราได้บ้าง

New LED 2020 : บางกว่า โค้งกว่า ดัดได้ ชนะแน่นอน…. ด้วยต้นทุนในการผลิตที่ถูกลง ทำให้ทุกๆอุตสาหกรรม นำ LED & MICRO LED มาใช้ขยายจินตนาการได้อย่างไม่จำกัด

New VR 2020 : เน้นเป็นแบบไร้สายทั้งหมดแล้ว ไม่ต้องมีสายมาให้กวนใจ แถมเพิ่ม SENSOR การสั่น / ความร้อน / ความเย็นที่นิ้ว และยังสามารถเข้าไปเล่นได้ทีละ 10-20 คนพร้อมกัน ตลอดจน HIGHLIGHT อยู่ที่ไม่ต้องใช้ JOYSTICK บังคับแล้วต่อตรงกับคลื่นสมอง แล้วสั่งด้วยการกะพริบ หรือ ขยับตาเอง ไว้สำหรับคนสูงอายุและคนพิการ เรียกได้ว่าเป็น AGING DESIGN SOLUTION จริงๆ

Hyper personalization ยุคนี้ทุกๆ ผลิตภัณฑ์ ต้อง customize ให้กับ user ได้อย่างละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าปรับความหนาให้เข้ากับเท้าเรา,เครื่องจับความร้อนขณะเล่น yoga e-trainer จาก panasonic หรืออย่างล่าสุด ทาง sony ได้ออก product 360 real audio ถึงขั้นมีการ ใช้ APP SCAN รูปของใบหูเราก่อน ที่จะทำการปล่อยเสียง 3 มิติ ออกมาให้เหมือนจริงมากที่สุดสำหรับคนๆ นั้น / เรียกได้ว่า ของใครของมัน อย่างแท้จริง

สุดท้ายกับ ep 1 วันนี้ด้วย ค่าย LG จัดหนัก โชว์จอรุ่นใหม่ทั้งบาง แถมยัง เอามาม้วนเข้าไปเก็บไว้ในกล่อง ซ่อนได้อย่างแนบเนียนมากๆ

INTERACTIVE MAPPING VIEW

เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย พร้อมสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าด้วย Interactive Mapping View “เห็นวิวจริงได้จากภายในห้องตัวอย่าง” อีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่จาก DEC Media.

INTERACTIVE MAPPING VIEW

เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย พร้อมสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าด้วย Interactive Mapping View “เห็นวิวจริงได้จากภายในห้องตัวอย่าง” อีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่จาก DEC Media.

ธุรกิจอสังหาฯในปัจจุบันนับได้ว่าอยู่ในยุคที่มีการแข่งขันสูง ทั้งในเรื่องของการพัฒนารูปแบบโครงการการตลาด รวมถึงกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ ในอดีตที่ผ่านมาแหล่งเงินทุน และKnow How อาจจะเป็น Barrier สำคัญที่ช่วยกันไม่ให้มีผู้เล่นถาโถมเข้ามาในตลาดมากจนเกินไป แต่เมื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในแบบก้าวกระโดด ได้เชื่อมต่อโลกให้ไร้พรมแดนมากยิ่งขึ้น ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากเหล่าพันธมิตรต่างชาติ รวมถึงองค์ความรู้ใหม่ๆที่มีการแลกเปลี่ยน แชร์กันผ่านโลกออนไลน์ทุกวินาที ล้วนแต่ช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้เล่นในแต่ละรายได้แบบมีนัยสำคัญ ผลลัพธ์ก็คือแบรนด์เก่าๆที่เคยดังเป็นที่รู้จักในอดีตหลายแบรนด์กลับเพลี่ยงพล้ำให้กับแบรนด์ใหม่หลายๆแบรนด์ที่เพิ่งจะผ่านการเปิดตัวโครงการมาแค่ไม่กี่โครงการ โดยที่ไม่ได้หมายความว่าแบรนด์ใหม่ๆเหล่านั้นจะพัฒนาโครงการที่ดีกว่ามีคุณภาพกว่าเสมอไป ในทางกลับกันแบรนด์ใหม่ๆที่ครองใจกลุ่มตลาดในยุค Digital Disruption ล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์ที่เน้นหนักในเรื่องของกลยุทธ์การสร้างแบรนด์เพื่อให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในทุกไลฟ์สไตล์และทุก Customer’s Journey ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งช่วง Pre-Purchasing, Purchasing และ Post – Purchasing ที่มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงจากอดีตที่ผ่านๆมา…ในเมื่อโลกเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยน จึงอาจกล่าวได้ว่าการสร้างแบรนด์ในยุคปัจจุบันคงไม่สามารถที่จะกำหนด Branding Strategic Platform ได้เพียงแค่การหา Differentiation, Relevance และ Meaning อีกต่อไป แต่จำเป็นที่จะต้องผสานความเป็น Digital Branding ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อสร้างเสน่ห์ ความประทับใจ ประสบการณ์ใหม่ๆอันแตกต่างและน่าจดจำ จนนำมาซึ่งการตัดสินใจซื้อในท้ายที่สุด

ท่ามกลางกระแสการพัฒนาสารพัด Living Tech Solutions โดยมีจุดมุ่งหมายหลักคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ดียิ่งขึ้น และมีจุดมุ่งหมายรองคือการสร้างตัวตนในโลก                Digital Branding เพื่อให้แบรนด์ของตนนั้นสามารถแทรกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคในสังคมดิจิทัลได้ โดยปกติแล้วเรามักจะแบ่ง Living Tech Solutions ออกตามแต่ละ Stage ของ Customer’s Journey โดยหากเป็นในช่วงระหว่างการขาย (Purchasing) เทคโนโลยี AR/VR, Interactive Mapping, Digital Touch Screen จนถึง Mixed Reality และ Online Selling Platform ต่างๆก็จะถูกนำมาใช้เพื่อสร้าง Customer Engagement & Experience ที่น่าจดจำ และกระตุ้นให้เกิด Impulse purchasing ได้เป็นอย่างดี เพราะธุรกิจอสังหานั้นมีความเป็น High Involvement Product ที่สูงมาก ในสายตาของคนส่วนใหญ่การซื้อบ้าน และคอนโด ไม่ได้เป็นเพียงแค่การซื้ออาคาร เพื่อเป็นที่พักพิงในแต่ละวัน แต่หมายถึงการเลือกชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการมากที่สุด ไม่ตามกระแส บางคนอาจเลือกจากทำเล บางคนอาจเลือกจากวิว ความใกล้แหล่งช้อปปิ้ง หรือที่ทำงาน แม้กระทั่งงานดีไซน์ และรายละเอียดของงานสถาปัตยกรรม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็น Consumer Trigger สำคัญในการตัดสินใจซื้อที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน เพราะนั่นคือสิ่งที่สะท้อนอัตลักษณ์ของผู้เลือกซื้อได้ดีที่สุด

Yes Watermark

Sale Gallery คือ Brand Touch Point ที่หลายฝ่ายรับรู้กันว่ามีความสำคัญมากที่สุด มีความเป็น “A Must” สำหรับการเปิดโครงการคอนโดแห่งใหม่ทุกโครงการ Sale Gallery ถูกใช้เป็น              สถานที่หลักในการสร้าง Integrated Brand Experience ตั้งแต่ช่วง Pre-Purchasing ไปจนถึง Post-Purchasing ในอดีตที่ผ่านมาเวลาที่เราไปที่ Sale Gallery เราก็มักจะพบกับ Function หลักๆอยู่ 3 ส่วนคือ 1. ส่วนโถงต้อนรับที่มีโมเดลและหน้าจอ Touch Screen จัดแสดงอยู่ 2. ส่วนห้องตัวอย่าง ที่มีการจัดวางเฟอร์ฯตกแต่งครบหรูหรา Larger Than Life และ 3. ส่วน Business Transaction ที่ในสมัยนี้พื้นที่ปิดการขายก็มักจะมีการสร้างบรรยากาศให้ดูน่านั่งมากขึ้น ไม่อึดอัดด้วยการสร้างเป็น Café หรือ Bar เล็กๆ

หากดูในองค์ประกอบของฟังก์ชั่นทั้ง 3 อย่างนี้ แน่นอนส่วนของห้องตัวอย่างก็เป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างความน่าจดจำ บรรยากาศของความแตกต่างให้ได้มากกว่าพื้นที่ส่วนอื่นๆ ห้องตัวอย่างที่ดีต้องสามารถช่วยให้เราจินตนาการภาพของตัวเองในการใช้ชีวิตประจำวันได้ว่าสามารถอยู่ได้จริงหรือไม่ ตลอดจนเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อได้ ผ่านการสัมผัส จับต้อง วัสดุต่างๆที่มีอยู่ภายในห้อง….แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดด้อยก็คือ ห้องตัวอย่างเกือบทั้งหมดล้วนแต่เป็นการ Represent แต่สิ่งที่ดีที่สุดของโครงการ โดยที่สิ่งที่เราจะต้องอยู่ด้วยทุกวัน มองออกไปทุกวัน                    สัมผัสบรรยากาศทุกวัน อย่างวิวจริงที่ได้รับกลับไม่สามารถถูกถ่ายทอดออกมาให้เห็นได้จริง…ในฐานะที่ผมเองเป็นนักรีวิวคอนโด หลายครั้งผมก็รู้สึกไม่ค่อยโอเคที่เราต้องมามองผ้าม่านในห้องตัวอย่าง หรือต้องมามอง Sticker Inkjet ที่นำมาแปะใส่ Lightbox ภายนอกหน้าต่าง เพราะนั่นมันดูลดทอนดีกรีของความน่าซื้อไปเลย หากจุดขายของห้องคุณคือกระจกบานใหญ่ ไร้เฟรม                วิวสวยสุดๆ อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญก็คือ หากคุณทำห้องตัวอย่างออกมาดูดี Larger Than Life มากเกินไป เช่น เอาวิว Central Park หรือแม่น้ำ Thames มาใส่ที่หน้าต่าง เวลาที่ผู้ซื้อได้เห็นวิวจริงๆที่โครงการจากห้องตัวเอง ก็อาจจะเกิด Bad impression เอาได้ง่ายๆจากการที่มีความคาดหวังที่สูงเกินไปเมื่อตอนตัดสินใจซื้อที่ห้องตัวอย่าง

Yes Watermark

แต่ในวันนี้ Pain Point ดังกล่าวจะไม่ถูกมองว่าเป็นปัญหาอีกต่อไป ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจาก DEC Media บริษัทผู้นำอันดับหนึ่งในด้านการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆที่เป็น Digital Branding Tools ของตลาดอสังหาฯมาตลอด 17 ปี ที่มีชื่อว่า Interactive Mapping View ให้คุณได้เห็นวิวจริงของห้องที่คุณซื้อได้จากภายในห้องตัวอย่าง โดย Interactive Mapping View นี้นับว่าเป็นหนึ่งใน 5 Tools หลักของกลุ่ม Special Innovation Product จาก DEC Media ที่พร้อมจะช่วยยกระดับแบรนด์ของคุณให้ไม่เป็นสองรองใคร และเป็นการเพิ่มเอกลักษณ์ให้โดนใจกลุ่มผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี

โดยหลักการทำงานของ Interactive Mapping View นั้นจะเป็นการแสดงผลการทำงานผ่านโปรเจคเตอร์ฉายลงบนฉากหรือผนังขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นตัวรับภาพ แล้วสั่งงานควบคุมด้วย IPAD เพื่อให้จอหรือผนังแสดงผลเป็นภาพวิวในแต่ละห้อง / ทุกชั้น ทั้งกลางวันและกลางคืน รวมถึงวิวรอบๆคอนโดแบบ 360 องศา ซึ่งให้ความรู้สึกเสมือนผู้ซื้อหรือลูกค้ายืนดูทัศนียภาพจริงๆ          จากระเบียง หรือหน้าต่างของห้องนั้นๆ

การได้เห็นทัศนียภาพของวิวจริงของห้องที่ตัวเองเล็งอยู่นับว่ามีผลเป็นอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อ ไม่ว่าจะสำหรับผู้ที่ซื้ออยู่เอง หรือผู้ที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุนครับ เนื่องจากเรามักจะรับรู้กันว่าวิวนั้นคือสิ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการปิดการขาย เพราะว่าห้องที่การันตีได้ถึงวิวดีๆทั้งย่อมเป็นห้องชั้นสูง วิวไม่บล็อค ซึ่งมีราคาแพงมากกว่าปกติ ส่วนห้องชั้นล่างๆ หรือในตำแหน่งที่ยากจะคาดเดาให้เห็นวิวจริง หากอยากจะขายได้ก็ต้องใช้ความพยายามในการตัดแปะแปลนลงใน Google Map เพื่อเทียบวิวแทน ครั้นจะไป Cap ภาพจากหน้าจอ Touch Screen ก็มีเพียงแค่ความสูงบางระดับเท่านั้น…ผลลัพธ์ก็คือกว่าจะปิดการขายห้องเหล่านี้ได้ ก็มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตึกสร้างเสร็จ เพราะผู้ซื้อต้องการที่จะเห็นวิวจริงจากในห้อง เสียเวลาต่อรองทั้งจากผู้ซื้อและผู้ขาย
Interactive Mapping View นั้นแน่นอนว่าจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับบรรดาผู้ซื้อที่แวะเวียนมาชมที่ห้องตัวอย่างได้ เนื่องจากเป็น Tool ที่สามารถสร้าง “Touchnology”                     (Touch & Technology) อันเป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้น Customer Engagement ผ่านการสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ในอดีต เพราะลำพังแค่ Sale Talk ก็คงยากที่จะทำให้ผู้บริโภคในยุคปัจุบันเชื่อได้โดยสนิทใจ

INTERACTIVE OBJECT TOUCH

หมดยุคจอ Touch Screen ในแบบธรรมดา! ให้ผู้ซื้อได้สัมผัสกับความงามของดีไซน์ และรายละเอียดของโครงการแบบ 360 องศาด้วย Object Touch อีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่จาก DEC Media

INTERACTIVE OBJECT TOUCH

หมดยุคจอ Touch Screen ในแบบธรรมดา! ให้ผู้ซื้อได้สัมผัสกับความงามของดีไซน์ และรายละเอียดของโครงการแบบ 360 องศาด้วย Object Touch อีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่จาก DEC Media

ในการขายโครงการคอนโดเปิดตัวใหม่นั้น มักจะเป็นที่รับรู้กันดีว่ายอดขายเกือบ 100% ล้วนมาจากการปิดการขายภายใน Sale Gallery สำหรับในบางโครงการยุคปัจจุบัน อาจมีการปิดการขายผ่านทางช่องทางอื่นบ้างเช่น Online Booking, On Premise Event ตามสถานที่ต่างๆ หรือการขายแบบ Direct Sale แต่ก็มีจำนวนที่ไม่มากนัก และที่สำคัญก็คือไม่ว่าลูกค้าจะซื้อผ่านช่องทางไหน สุดท้ายแล้ว Process ถัดมาของ Customer’s Journey ก็ต้องวนเวียนมาที่ Sale Gallery ในท้ายที่สุดอยู่ดี จริงไหมครับ?…ใช่ครับผมกำลังจะบอกว่า Sale Gallery ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก หรือใหญ่พร้อมห้องตัวอย่าง นั้นคือหนึ่งใน Brand Touchpoints ที่มีความสำคัญต่อการขายคอนโดมากที่สุด ไม่ว่านักการตลาดจะลงทุนซื้อสื่อโฆษณามากน้อยแค่ไหน จะเป็น TVC, Billboard, ป้ายข้างทาง, Banner Man, หรือว่าสื่อออนไลน์ ก็ล้วนแต่มีจุดประสงค์หลักเพื่อ Lead คนไปยัง Sale Gallery ของโครงการกันทั้งนั้น

Yes Watermark

แล้วทำไมลูกค้าต้องเข้ามาที่ Sale Gallery ด้วยล่ะ ในเมื่อหลายๆคนตัดสินใจซื้อห้องไปแล้วก่อนที่จะเห็นหน้าตาห้องตัวอย่าง หรือโมเดลโครงการด้วยซ้ำ หรือจะมีลูกค้าหลายคนที่นึกสนุกอยากเข้ามาทักทายสนทนากับน้องเซลล์เสียงหวาน ที่เอาบัตรเครดิตเราไปรูดจองมาแล้วล่วงหน้าเป็นเดือน…คำตอบที่น่าชัดเจนที่สุดก็คือพวกเขาเหล่านั้นอยากที่จะมาพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตัวเองครับ ว่าโครงการที่เค้าตัดสินใจซื้อไปนั้นมีดีจริง เป็นไปตามความคาดหมายที่ตั้งเอาไว้ตั้งแต่ตอนซื้อ และในสายตาของนักลงทุนก็ย่อมมองหาเหตุผล และหลักประกันที่จะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าห้องที่ตัวเองซื้อไปนั้นมีจุดขายดีพอ ที่จะทำให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาได้เห็นได้สัมผัสถึงความแตกต่างของห้องนั้นๆ จนนำมาซึ่งการตัดสินใจซื้อรีเซล

ในทางทฤษฎี นิยามของ Brand Touchpoints ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่อย่าง Retails Shop, Sale Gallery หรือจะเป็นชิ้นเล็กๆอย่างโบรชัวร์ไปจนถึงนามบัตร มักจะต้องมีองค์ประกอบที่สร้างความจดจำที่ดีในแง่ของ Brand Perception ให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นลูกค้าปัจจุบัน หรือลูกค้าใหม่ได้ โดยความจดจำที่ดีอาจรวมไปถึงการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆที่ลูกค้าได้มีส่วนร่วม (Engagement) จนนำมาซึ่งความปรารถนาที่จะครอบครองเป็นเจ้าของ… แต่ในทางกลับกัน เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริงที่แม้ว่านักการตลาดส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จในการนำคนจำนวนมากเข้าไปที่ Sale Gallery หรือพื้นที่ขายตาม On Premise Event อื่นๆได้ แต่กลับมี Conversion Rate ที่ค่อนข้างต่ำมากๆ ในบางโครงการหรือบาง Event อาจมากจนชนิดที่ว่าหากคน Walk เข้ามา 30 คนอาจจะปิดการขายได้แค่ 1 ห้องเท่านั้น ซึ่งจากประสบการณ์ของผม หากตัดปัจจัยในเรื่องของงบประมาณออก สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นเป็นจุดอ่อนก็คือลูกค้าหลายๆรายมองไม่เห็นจุดเด่นของโครงการ หรือของห้องนั้นๆ เนื่องจากตัวเซลล์เองก็มีอุปกรณ์ในการ Support การขายแค่โบรชัวร์, Sale Kit และใบราคาเป็นหลัก ซึ่งของเหล่านี้มันเป็นการ Represent โครงการในแบบ Snapshot มากๆ โดยที่ไม่ได้มีการถ่ายทอดจุดเด่นของโครงการในแง่มุมอื่นๆให้ลูกค้าได้สัมผัสเท่าที่ควรเลย ซึ่งลูกค้าสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่เชื่อเซลล์หรอกครับ แต่เค้าอยากเห็นอยากสัมผัสได้ด้วยตาตัวเองมากกว่า หากเป็นในสมัยก่อนเราก็จะเป็น Pain Reliever เป็นพวกอุปกรณ์ช่วยขายแบบจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ หรือ iPAD แต่ข้อเสียของอุปรณ์เหล่านี้ก็คือมันมีเยอะมาก จนผู้ซื้อเกิดเบื่อที่จะเดินเข้าไปกดเล่นแล้วครับ เพราะเข้าไปดูที่ Sale Gallery ที่ไหน หรือที่ Event ไหนๆ ก็จะเห็นจอแบบเดียวกัน เมนูเดียวกันไปหมดทุกที่ สุดท้ายประสบการณ์เหล่านี้จึงเป็น Ordinary Experience ที่ไม่ได้ช่วยสร้างความน่าจดจำอะไรให้กับลูกค้าเลย แถมเมื่อลูกค้าไม่ได้สนใจเล่น โอกาสที่จะปิดการขายในแบบ Impulse Purchasing ก็มีน้อยลงเช่นกัน

Yes Watermark

Object Touch สร้างความน่าจดจำด้วยการนำเสนอประสบการณ์ในการดูข้อมูลโครงการที่แตกต่าง หลังจากที่ตอนที่แล้วผมได้นำเสนอนวัตกรรม Digital Branding Tools ที่มีชื่อว่า Interactive Mapping View ซึ่งเป็น 1 ใน 5 Special Innovation Products ของ DEC Media ที่พร้อมจะช่วยยกระดับแบรนด์ของคุณให้ไม่เป็นสองรองใคร อีกทั้งยังเป็นการช่วยนำเสนอจุดขายให้โดนใจกลุ่มผู้ซื้ออสังหาฯในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี วันนี้ก็มาถึงคราวของ Object Touch บ้างครับ โดยเครื่องมือนี้จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับ Sale Gallery ของคุณไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ตลอดจนงาน Event เปิดตัวโครงการให้มีความน่าสนใจ กระตุ้นให้เกิด Brand Engagement และสร้าง Brand Perception ที่ดีในหมู่ผู้ที่สนใจซื้อได้ครับ

อุปกรณ์ Object Touch เครื่องแรกของ Estate Lounge ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท ดี อี ซี มีเดีย จำกัด ทางสิงห์ เอสเตท เลือกที่จะใช้เครื่องมือนี้ในการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ The ESSE Sukhumvit 36 ครับ ต้องบอกว่าเป็นการสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ซื้อในขั้นต้นให้ผู้ซื้อได้มีโอกาสศึกษาทุกแง่มุมของโครงการได้ด้วยตัวเอง ก่อนที่จะขึ้นไปดูห้องตัวอย่างบนชั้น 14 ครับโดย Hardware หลักของ Object Touch นั้นจะประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักคือ 1. ส่วนแสดงผลซึ่งก็คือโปรเจคเตอร์ 2. ส่วนควบคุมเมนูหลักซึ่งก็คือจอ Touch Screen ขนาดใหญ่วางราบไปเหมือนกับโต๊ะประชุมงานสุดล้ำ ที่ประกอบด้วยเมนูนำเสนอต่างๆ และ 3. ส่วน Controller ซึ่งเรียกว่า Object Controller ที่ลูกค้าใช้ในการควบคุมการแสดงผลของเมนูต่างๆบนจอ Touch Screen นั่นเองครับ

โดยหลักการทำงานของ Object Touch นั้นค่อนข้างมีความแตกต่างจากการนำเสนอในรูปแบบจอ Touch Screen แบบเดิมๆอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเป็นการแสดงผลการทำงานผ่านหน้าจอ Touch Screen ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ เหมือนกับโต๊ะประชุมในห้อง War Room แบบในหนัง Sci-Fi Hollywood ที่เราคุ้นตา และลิ้งค์ข้อมูลไปยังจอโปรเจคเตอร์ที่ผนัง 1 ด้าน หรือ 3 ด้าน ซึ่งความพิเศษของ Object Touch คือ การควบคุมผ่านตัววัตถุที่นำมาวางบนจอ Touch Screen โดยวัตถุที่นำมาวางนั้นจะเป็นไม้หรือ อะคริลิค หรือโลหะขึ้นรูปก็ได้ ตัวควบคุมนี้เรียกว่า Object Controller เมื่อวาง Object Controller ลงไปบนจอ Touch Screen และบิดองศาให้ได้ประมาณ 45 องศา หน้าจอก็จะแสดงเนื้อหาของคำสั่งที่ถูกลงโปรแกรมไว้ขึ้นมา โดยเราสามารถเลือกดูเนื้อหาได้จากการหมุนตัว Object Controller ไปที่คำสั่งต่างๆที่อยู่บนจอ

Yes Watermark

เมื่อวางและบิด 45 องศา ก็จะเห็นเมนูเนื้อหาของโครงการบนจอ Touch Screen โดยสามาถเลือกวาง Object Controller ในแบบ Multiple ได้ ซึ่ง Object Controller ชิ้นแรกจะสามารถเลือกดู Project Highlight, Hero Shot, Project Details, Panorama บนจอโปรเจคเตอร์ได้ ในขณะที่ Object Controller อีกชิ้นจะเอาไว้ดูเมนูอย่างวิวที่ได้บนอาคาร ในแต่ละความสูง ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน

Object Touch เป็นอีกขั้นของนวัตกรรม “Touchnology” ที่มีวิวัฒนาการมาจากจอ Touch Screen ที่เราเห็นทั่วไปตามงาน Event หรือ Sale Gallery ครับ สิ่งที่เป็นความแตกต่างอย่างชัดเจนก็คือผู้ที่สนใจโครงการมีแนวโน้มที่จะ Engage กับ Object Touch มากกว่าจอ Touch Screen แบบปกติ เนื่องจากมีกิมมิคให้เล่นมากกว่า และชุดอุปกรณ์ก็เอื้อให้เกิดการปฎิสัมพันธ์ที่มากขึ้นระหว่างพนักงานขาย และกลุ่มผู้ซื้อเป็นหมู่คณะ ช่วยให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์การดูข้อมูลที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครด้วยตัวเอง และยังช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูดีทันสมัยขึ้นมาได้ ไม่แพ้ Interactive Mapping View ที่ผมได้นำเสนอไปในตอนที่แล้วเลยครับ ไม่แน่ว่าลำพังแค่อุปกรณ์เซตนี้ก็อาจจะช่วยให้คุณประหยัดค่าก่อสร้างห้องตัวอย่างในบางโครงการไปได้ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่สามารถปรับเปลี่ยน Software ได้ อีกทั้งยังช่วยตอบทุกข้อสงสัยของลูกค้าเกี่ยวกับตัวโครงการได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ