Author: admin

ทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ ในการขายของยุค Digital & Social Distancing กับ DEC LIVE

ในช่วงที่คนส่วนใหญ่ของประเทศเลือกที่ Lock Down ตัวเองอยู่กับบ้าน แน่นอนว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆ ทั้งการทำงาน ทานข้าว หรือแม้กระทั่งการออกกำลังกาย ก็ต้องเปลี่ยนไปจากที่เราเคยทำๆกันมา แน่นอนว่าพฤติกรรมออนไลน์ของคนไทยมีมากขึ้นทั้งการ Streaming หนัง เล่น Social Media, Work From Home และสั่งของ สั่งอาหารออนไลน์ โดยมุ่งหวังว่ามาตรการ Social Distancing แบบเคร่งครัด ต่างคน ต่างอยู่ ไม่รวมกลุ่มกัน จะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตท่ามกลางวิกฤตการณ์ COVID-19 จนกว่าจะถึงวันที่เราสามารถหาวัคซีนมาป้องกันได้ ธุรกิจอสังหาฯเป็นธุรกิจที่โดนผลกระทบในแบบเต็มๆเนื่องจากปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการซื้อสินค้าประเทศ High Involvement Product แบบนี้นั้น ผู้ซื้อจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการคิด การตัดสินใจ ในแบบละเอียดถี่ถ้วน มองทุกรอบด้านพอสมควร ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่ความเชื่อมั่นในการบริโภคลดลง ผู้คนมีแนวโน้มที่จะเก็บเงินสดไว้กับตัวมากขึ้น การขายอสังหาฯให้ได้นั้นก็จำเป็นที่จะต้องนำเสนอทั้ง Attribute (คุณลักษณะ) และ Benefit (คุณประโยชน์) ให้ได้ราวกับเหมือนกับมาดูด้วยตาตัวเอง ได้มากที่สุด รู้ลึก รู้จริง รู้รอบด้าน

เราเห็นการทำ Live ผ่าน Social Media เยอะมากในแต่ละวันครับ เอาเฉพาะในกลุ่มตลาดอสังหา ในแต่ละวันเราเห็น Feed จากเหล่าพนักงานขายที่แปลงร่างเป็น Micro Influencer เพื่อนำเสนอห้องของโครงการที่ตัวเองกำลังขายอยู่มากมาย ทั้งในรูปแบบ Walk Through ดูโครงการแนวให้ Information หรือในแบบ Entertainment สไตล์คลิป Viral ใน TikTok ซึ่งในมุมมองของผมเราการ Live เนี้ยมันน่าจะกลายเป็น New Normal ไปแล้ว ในการดำเนินธุรกิจอสังหาฯ อย่างน้อยก็อีกหลายเดือน โดยที่ขอบเขตในการเลือกใช้ Tool ประเภท Live นั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ที่ตอบวัตถุประสงค์อันแตกต่างกันไปครับ ไม่ว่าจะเป็น

– การ Live เพื่อนำเสนอทิศทางในการทำธุรกิจ เปิดตัวโครงการไปในกลุ่ม Mass Media เช่น Pres Conference Live

– การ Live เพื่อนำเสนอห้อง หรือโครงการในสถานที่จริง ที่มีโปรโมชั่นราคาแรงๆหนักๆ ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด

– การ Live ในแบบ Walk Through บรรยากาศโครงการ เพื่อสร้าง Awareness ให้โครงการของเราอยู่ในกระแสโลกออนไลน์ เก็บ Lead เพื่อรอวันนัดเข้ามาชมโครงการอย่างละเอียด

– การ Live ในแบบ Panel Discussion ในแบบต่างสถานที่กัน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของแต่ละคนใน Topic ที่กำหนด เพื่อต่อยอดไปที่ Online Platform

ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการ Live แบบไหน หากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ที่เน้นภาพลักษณ์ของแบรนด์ มีการกำหนดทิศทางของการสื่อสารให้ชัดเจน เหมาะสมกับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และมองเรื่องของคุณภาพของเสียง การตัดต่อถ่ายทำ ว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น ก็ควรที่จะตัดสินใจเลือกทีมงานที่มีคุณภาพในการมาทำ Live Production ครับ…จริงอยู่ที่ใครๆก็ Live ได้ แค่มีโทรศัพท์เครื่องเดียว แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้า Outcome ที่ออกมานั้น ไม่ได้มีความโดดเด่นแตกต่างจาก FB Live ทั่วๆไปที่เห็นในหน้า Feed

จากประสบการณ์ของผมที่เคยทำ Live มาอย่างมากมาย พบว่าการทำ Live นี่มักจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นในแบบไม่คาดฝันเยอะมากๆครับ โดยเฉพาะการ Live ในสถานที่เปิด ที่ต้องนำเสนอสถานที่หลายๆแห่งในโครงการเดียวกัน หรือการ Live ในแบบที่ต้องตัดภาพมาให้เห็นไฟล์ VDO หรือ Presentation โดยที่ปัญหาสำคัญมักจะมาจากสัญญาณอินเทอร์เนตที่ไม่เสถียร คุณภาพเสียงที่มีคลื่นรบกวน รวมไปถึงขาดทีมงานในการควบคุมดูแล และทำ Script…แต่ปัญหาดังกล่าวนั้นได้หมดไปในทันที่  ที่ผมได้เลือกใช้บริการ DEC Live จาก DEC Media ครับ โดยจุดเด่นที่แตกต่างของ DEC Live ก็คือถ่ายทำโดยใช้ทีมงานมืออาชีพ พร้อมด้วยอุปกรณ์ที่ครบครันระดับมาตรฐานสากลไม่ว่าจะเป็น OB Switching , ชุดไมค์ Wireless และ Lighting ควบคุม sequence LIVE EVEN รวมถึงสัญญาณการเผยแพร่ภาพที่ดีไม่มีตกหล่น ด้วยเครือข่าย Network ที่รองรับถึง 3 เครือข่าย ได้แก่ AIS , DTAC , TRUEMOVE ทำให้การ Live ไม่มีสะดุด สื่อสารได้ครบทุก Keyword คมชัดทุกมิติ และเท่าทันกับสถานการณ์ จะเป็นการ Live ในสถานที่ปิด ทุกซอกทุกมุมของงานแถลงข่าว อีเว้นท์ หรือในสถานที่เปิดที่ต้องเดินไปเรื่อยๆเป็นหลายๆกิโลเมตร ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด แถมยังเหนือกว่าด้วยการใช้โดรนมองจากวิวสูงได้ ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านช่องทางสื่อโซเชียลมีเดีย ทั้ง FB Page หรือ Youtube Channel ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถรับชมได้

ยอด Walk-in น้อย เราจะทำอะไรได้บ้าง? แนะนำ Must Have! Marketing Tools for COVID-19 จาก DEC MEDIA ที่ใครยังไม่มี ก็ต้องรีบหามาใช้

ในช่วงที่ทั่วทั้งโลกกำลังประสบกับวิกฤตการณ์ COVID-19 ที่นำความเดือดร้อนมาให้กับทุกคน และทุกอุตสาหกรรม ธุรกิจอสังหาฯเป็นอีกหนึ่งธุรกิจสำคัญที่ตอนนี้ต้องบอกว่าเหมือนถูกแช่แข็งให้อยู่เฉยๆ เนื่องจากประชากรเกินครึ่งโลกต้อง Lock Down ตัวเองอยู่กับบ้าน และต้องปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ Social Distancing อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สถานการณ์ได้เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นให้ได้มากที่สุดโดยเร็ว แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับธุรกิจอสังหาฯก็คือ ไม่ว่าเราจะขายของที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ หรือของพร้อมอยู่ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้านั้น หลักๆไม่ได้มีเพียงแค่ ทำเล ราคา และโปรโมชั่น เสมอไป แต่ในการที่จะปิดการขายในแต่ละครั้งนั้นพนักงานขายจำเป็นที่จะต้องนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดของโครงการนั้นๆให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงบรรยากาศจริง หรือให้ลูกค้าได้มีโอกาสจำลองภาพตัวเองให้เข้าไปอยู่ในห้องนั้นจริงๆให้ได้มากที่สุด ดังนั้นหากคุณเป็นหนึ่งในดีเวลลอปเปอร์ที่เน้นการขายแบบ Physical Contact เพียงอย่างเดียวที่โครงการ ไม่ได้ใช้สื่อออนไลน์ หรือมี Online Marketing Tools อะไรที่ช่วย Draw Lead ลูกค้าเข้ามาเลย ก็ขอบอกไว้ในจุดนี้เลยว่าคุณอาจจะพลาดโอกาสในการขายของได้ไปอีกนานเลยครับ แม้ว่าคุณจะออกสารพัดมาตรการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกบ้าน พนักงาน และผู้เข้าชมโครงการก็ตามที…เพราะจากประสบการณ์โดยตรงของผม ที่ยังคงต้องแวะเวียนเข้าไปสำรวจ รีวิว โครงการคอนโด และบ้านต่างๆในช่วงนี้ (แต่ผมก็ปฎิบัติตามมาตรการรักษาความสะอาด และ Social Distancing ของแต่ละโครงการอย่างเคร่งครัดนะครับ) ก็เห็นชัดเจนเลยว่ายอด Walk – in ของแต่ละโครงการนั้น น้อยลงอย่างเห็นได้ชัดครับ บางโครงการจากเดิมที่มีคนเข้ามาชมในวันหยุดมากกว่า 10-20 ราย ก็หายไปหมดกลายเป็นไม่มีลูกค้าสักกะคนเลย เห็นมีแต่ Blogger ด้วยกันเองนี่ล่ะครับ ที่แวะเวียนกันเข้าไป ยิ่งเพื่อนๆคนไหนที่ทำธุรกิจนายหน้า และเน้นการขายห้องรีเซลคอนโดมือสองหลังโอนเนี้ย ไปกันใหญ่เลยครับ เพราะนิติบุคลในหลายๆโครงการเค้าก็ห้ามเอเจนท์พาลูกค้าเข้ามาชมโครงการกันไปแบบยาวๆเลย

แล้วตอนนี้มี Marketing Tools for COVID-19 อะไรบ้างล่ะ ที่ดีเวลลอปเปอร์ส่วนใหญ่เค้านิยมใช้กัน และไม่ต้องสิ้นเปลือง Cost มาก? ก็ต้องบอกครับว่ากลยุทธ์หลักของฝ่ายการตลาดแทบจะทุกบริษัทตอนนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนก็คือ 1. Maximize Online Media Exposure ซึ่งก็คือการสร้างตัวตนของโครงการตัวเอง แบรนด์ตัวเองในโลกออนไลน์ให้ได้มากที่สุด ในแบบ Cost Saving ก็คือให้พนักงานขายนี่แหละช่วยกันสร้าง Content ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น Clip แนะนำโครงการ หรือการสร้าง Online Booking Platform ในแบบ Real Time ตลอด 24 ชม. พร้อมช่องทางการติดต่อที่ครบทุก Social Media และ 2. Virtual Experience at Home ซึ่งก็คือการนำเอาบรรยากาศภายในห้อง ภายในโครงการที่เรากำลังขายอยู่ มาใส่ลงไปในช่องทาง Online ต่างๆ เพื่อที่จะให้ลูกค้าได้รับรู้เบื้องต้นว่าโครงการที่เราสนใจนั้นมีหน้าตายังไง มีฟังก์ชั่นการใช้งานอะไรที่เหมาะกับเราบ้าง ซึ่งปัจจัยที่จะช่วยชี้ให้เห็นว่ากลยุทธ์ทั้ง 2 แบบนั้นมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหนก็คือ ยอด Conversion ที่มาจากการจองใน Online Booking หรือจองผ่านช่องทาง Social Media Platform แม้กระทั่งผ่านทางโทรศัพท์นั่นเองครับ

สำหรับใน EP.1 นี้ผมจะขอแนะนำ MUST HAVE ตัวแรก ที่ผมเองต้องดูทุกครั้งเวลาที่เข้าไปเยี่ยมชมเวปไซต์ของโครงการชั้นนำต่างๆครับ นั่นก็คือ VR 360 องศา ที่ถ้าเราใช้อุปกรณ์เสริมเป็นแว่น VR ด้วยก็จะทำให้เรามองเห็นรายละเอียดภายในห้องต่างๆที่เราสนใจอยู่ได้เหมือนกับเราไปเดินที่ห้องตัวอย่างนั้นจริงๆได้เลย

ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการถ่ายภาพแบบ VR 360 องศา อยู่หลายรายครับ โดยที่เรามักจะคุ้นหูกันหน่อยจะเป็น Solution ที่เหมาะกับผู้ประกอบการที่มี Skill หน่อย ก็คือ Matterport ที่มี Feature ในแบบกึ่งอัตโนมัติให้เลือกเล่น เลือก Publish ได้หลายอย่าง แต่สำหรับผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ที่ไม่ได้มีพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญแบบเบ็ดเสร็จทั้งในเรื่องการใช้กล้อง 360 องศา และการใช้โปรแกรม ผมก็ขอแนะนำให้เลือกใช้บริการของมืออาชีพกว่า 17 ปี อย่าง DEC Media ดีกว่าครับ…แค่โทรหากริ๊งเดียว ก็สามารถยก Sale Gallery พร้อมห้องตัวอย่างของคุณมาไว้ให้คนทั่วไปดูในโลกออนไลน์ได้เลย

โดยห้องนี้เคยอยู่ภายใต้แคมเปญ AP SPACE SCHOLARSHIP ซึ่งเป็นครั้งแรกกับการให้ทุนการศึกษาที่เป็น ‘ที่พักอาศัย’ โดยนำเสนอมิติใหม่ในการออกแบบที่อยู่อาศัยร่วมกัน ระหว่างเอพี x แฟบริก้า ดีไซน์ จากอิตาลีกับนวัตกรรมพื้นที่แห่งอนาคต ฉีกทุกกฎและข้อจำกัดของการออกแบบ มีไฮไลท์ตรงที่เอพี และทีมดีไซเนอร์จากทาง FABRICA ร่วมกันสร้างสรรค์และยกระดับศักยภาพของเด็กไทยบนพื้นฐานของการให้ ด้วยการออกแบบห้องชุดใน 2 โครงการที่ใกล้สถานศึกษา ได้แก่ โครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 และ Aspire สาทร-ตากสิน ให้นักศึกษาที่ได้รับทุนจำนวน 7 คน ได้เริ่มต้นชีวิตระหว่างเรียนร่วมกันได้ อย่างมีความสุข สร้างสรรค์ และปลอดภัย สามารถใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าภายใต้พื้นที่จำกัด โดยแบ่งเป็นห้องสำหรับการอยู่ร่วมกันสำหรับเด็กผู้ชาย 4 คน 1 ห้อง  และสำหรับเด็กผู้หญิง 3 คน 1 ห้อง…แน่นอนว่าการออกแบบห้องขนาด Compact ที่ปกติควรจะชีวิตอยู่ได้แค่ 2 คน แต่ทางเอพีเคลมว่าห้องนี้อยู่ได้สูงสุดแบบสบายๆถึง 4 คน โดยมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เอื้อต่อไลฟ์สไตล์ของกลุ่มนักศึกษาทุกอย่าง นั้นต้องมีดีเทลยิบย่อยมากมายครับ แต่ด้วย VR 360 องศา ก็สามารถทำเรื่องยิบย่อยให้เข้าใจ เห็นภาพได้โดยง่าย

เห็นรายละเอียดของราวแขวนอุปกรณ์แบบ Movable ได้ เช่นเดียวกับช่องเก็บของใต้โซฟา ช่องเก็บอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเรียนที่ต้องใช้ร่วมกัน

หลักการทำงานของ VR 360 องศา นี่ก็ค่อนข้าง Basic ใครๆก็ใช้งานได้ง่ายมากครับ คือผู้ใช้งานสามารถคลิกเข้าตัวโปรแกรมหรือ Link ที่ Setting ไว้ให้แล้ว และเลือก Click ไปที่จุดหรือสัญลักษณ์ตามที่กำหนดให้บนตัวโปรแกรมก็สามารถเข้าดูห้องในแต่ละห้องได้ เช่น ห้องรับแขก , ห้องอาหาร , ห้องน้ำ เป็นต้น และนอกจากนั้นในแต่ละห้องยังสามารถหมุนดูได้แบบ 360 องศา เพื่อดูการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ การเลือกใช้วัสดุต่างๆ ได้อีกด้วย

ผู้ใช้งานแค่ Click ตามสัญลักษณ์ที่กำหนดให้ ก็สามารถดูห้องตัวอย่างได้ครบทุกมุม ง่ายแสนง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เรียกได้ว่าใช้ง่ายเข้ากับทุกรุ่นทุกวัย นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถดูห้องตัวอย่างได้ตลอดเวลา ไม่ต้องอิงเวลาเปิด – ปิด ของ Sales Gallery เก็บไว้ดูตอนว่างๆจะดึกแค่ไหนก็สามารถชมห้องตัวอย่างได้ เหมาะกับ Lifestyle ของคนในปัจจุบัน รวมถึงสถานการณ์ของโรคระบาด COVID-19 ที่ในปัจจุบันการออกไปข้างนอกแบบมั่นใจเป็นสิ่งที่ทำได้ลำบาก

โปรแกรมนี้สามารถทำงานได้ทั้งบนตัว IPAD , PC และ Macbook รวมทั้งยังเพิ่มเป็นหนึ่งในเมนูหลักของเวปไซต์ของคุณ เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงหรือทำเป็น Movie Clip เพื่อนำไปแชร์ในช่องทางสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกมากยิ่งขึ้นครับ…เรียกว่าเวปไซต์ไหนไม่มีเมนูนี้ถือว่าเอ้าท์มากๆครับ

สามารถดู Clip VDO แนะนำการใช้งานแบบ Long Play ทั้งห้องได้ที่นี่เลยครับ และผมเอาตัวอย่าง VR 360 องศา ของห้องที่คอนโดโครงการหนึ่งที่น่าจะเป็น Case Study ที่ดีเยี่ยมสำหรับวงการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในห้องให้เกิดประโยชน์สูงสุดมาให้ดูกันตามลิงค์นี้ครับ

http://dec-vr.decmediathailand.com/VRdec/index.html